พ่อของ “ไตเติ้ล” เหยื่อสาวถูกเสี่ยเต็นท์รถขับปอร์เช่ชนเสียชีวิต เผย คดีไม่คืบ ซ้ำคู่กรณีกลับคำไม่รับผิดชอบ ให้ประกันจ่ายแค่ 3 แสน ส่วนเพื่อนลูกสาวที่สาหัส ตำรวจไม่เคยสอบปากคำแม้แต่ครั้งเดียว
จากกรณีรถหรูปอร์เช่ รุ่นเคย์แมน เอส ราคาเกือบ 10 ล้าน พุ่งชนรถจักรยานยนต์สภาพพังยับ 2 สาวขาขาดทั้งคู่ ส่งผลให้ น.ส.มีนารัตน์ ฉิมน้อย หรือ ไตเติ้ล อายุ 22 ปี เสียชีวิต ส่วน น.ส.กิตติยา เที่ยงธรรม หรือ โอ๋ อายุ 22 ปี ผู้ขับขี่ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ บาดเจ็บสาหัส และเสียลูกในท้องไปจากเหตุการณ์นี้ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2562
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 4 ก.ค. 2562 ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ติดต่อไปยัง นายเอนก ฉิมน้อย พ่อของ น.ส.มีนารัตน์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุจนถึงวันนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ในงานศพของลูกสาวได้พบหน้า นายสมเกียรติ ภักดีนอก อายุ 40 ปี เสี่ยเจ้าของเต็นท์รถผู้ก่อเหตุเพียงครั้งเดียว วันนั้นมากับรถพยาบาลมีอาการบาดเจ็บที่ขา โดยมาขอโทษและขออโหสิกรรมต่อลูกสาวแล้วก็กลับไป และภรรยากับชายที่อ้างว่าเป็นพี่ชายรับปากว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด ผ่านไปเกือบ 4 เดือนแล้วแต่กลับรู้สึกว่าคดีไม่มีความคืบหน้า ทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุอยู่ที่ไหน ทุกครั้งที่ตำรวจนัดก็ไม่เคยเจอผู้ก่อเหตุด้วย
ในวันที่ตำรวจ สน.หนองค้างพลู ติดต่อให้พูดคุยกันฝ่ายผู้ก่อเหตุพาทนายความมาด้วย แล้วกลับคำบอกว่าฝ่ายเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบและให้ประกันเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งประกันเสนอค่าเสียหายทั้งหมดให้เพียง 300,000 บาท จากที่เรียกร้องไป 3,000,000 บาท เป็นจากประกัน 1,000,000 บาท และค่าเสียหายจากผู้ก่อเหตุ 2,000,000 บาท และแม้ว่าจะได้คุยกับประกันในครั้งที่ 2 ก็ยืนยันว่าจะจ่ายเพียง 300,000 บาท หากอยากได้มากกว่านี้ก็ต้องไปฟ้องศาล
...
ส่วน น.ส.กิตติยา ปัจจุบันออกจากโรงพยาบาลแล้ว ขาซ้ายถูกตัดใต้เข่าแต่ยังรักษาแขนที่หักอยู่ ต้องใช้รถเข็นในการดำรงชีวิต โดย นายเอนก บอกเพิ่มเติมว่าใช้ทนายความคนเดียวกับ น.ส.กิตติยา จึงต้องรอฟ้องพร้อมกันทีเดียว 2 คน
“ผมคุยกับแม่โอ๋ตลอด ตั้งแต่น้องเข้ารักษาตัวจนตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้วยังไม่มีตำรวจไปสอบปากคำเลย แล้วจะรู้ได้ไงใครถูกใครผิด ผมก็งงว่าเขาถึงขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่โดนจับ ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ตอนนี้ต้องรอตำรวจนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจากันอีกครั้งก่อนขึ้นศาล ผมสงสัยว่าทำไมเรื่องเงียบยาวนานขนาดนี้ เพราะตำรวจบอกว่าจะติดต่อมา แต่เขาก็ยังไม่ติดต่อมา ลูกสาวผมกับเพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์มาบนฟุตปาทแต่เขาขับขึ้นมาชน แต่ทำไมกล้องตรงจุดที่ชนมันเสียผมก็ไม่เข้าใจ”
ทั้งนี้ นายเอนก บอกด้วยว่าเดินทางไปยื่นเรื่องที่กระทรวงยุติธรรม แต่ได้รับคำตอบว่าต้องมีสำนวนจากตำรวจว่าทางเราถูก แต่หากมีความผิด หรือผิดร่วมกับผู้ก่อเหตุจะไม่ได้รับค่าเยียวยา พร้อมฝากทิ้งท้ายถึงคู่กรณีว่า อยากให้รับผิดชอบในการกระทำ และฝ่ายผู้ก่อเหตุก็รับปากว่าจะรับผิดชอบ แต่ไปๆ มาๆ กลับปัดความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ได้พยายามติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีพื้นที่ สน.หนองค้างพลู เพื่อสอบถามความคืบหน้าแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
(ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก อะไรก็ได้ ไม่ใช่อะไรก็ยอม)