ตั้งใจสร้างธุรกิจด้วยมือของตัวเองอย่างทุ่มเท “ธนันพัชญ์ ไพบูลย์ธนภาค” เจ้าของขนมขบเคี้ยวสุขภาพแบรนด์ “ฟิตโต้” ข้าวป๊อปทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ ซึ่งทำงานล้มแล้วลุกขึ้นใหม่อย่างไม่ท้อ จนวันนี้สามารถยืนขึ้นได้อย่างภูมิใจ
รัจ–ธนันพัชญ์ ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้ก่อตั้งบริษัท ฟิตโต้ กรุ๊ป เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า เริ่มจากที่ทางบ้านทำธุรกิจโรงงานเพาะถั่วงอกที่ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นโรงงานเพาะถั่วงอกรายใหญ่ที่สุดของจังหวัดที่ส่งไปทั่วประเทศ แต่ด้วยเหตุผลที่ครอบครัวอยากทำธุรกิจที่ซื่อตรงกับผู้บริโภคทำให้ต้องตัดใจทิ้ง และขายโรงงานหันมาทำธุรกิจโรงสีข้าวแทน พอ รัจ เรียนจบปริญญาโท หลักสูตรบริหาร ธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐซานดิเอโก จากสหรัฐฯ จึงมาช่วยงานโรงสีที่บ้าน พักหนึ่ง ช่วงนั้นมีนโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาลส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหม่ทำตลาด ยากขึ้น ทำให้ต้องมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ เช่น การนำวัตถุดิบที่มีอยู่ คือ ข้าว มาต่อยอดสินค้าหรือทำเป็นสินค้าแปรรูป ด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบกินขนมขบเคี้ยวกรอบๆ เลยคิดที่จะทำขนมขบเคี้ยวในแบบที่ตัวเองชอบ คือ ต้องอร่อย และไม่ทำลายสุขภาพแบบอ้วนแล้วเจ็บคอ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการทอดและแบบอบกรอบ เลยมองหาวิธีการทำแบบ “ป๊อป” หรือกระบวนการใช้ความร้อนและแรงดัน คล้ายๆ ป๊อปคอร์น นั่นเอง
...
กว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ รัจ เล่าให้ฟังว่า รัจ ไม่ได้มีความรู้ด้านอุตสาหกรรมอาหารจึงต้องทำการบ้านอย่างหนักกว่าคนอื่น ลงมือทดลองทำเองทุกขั้นตอน ได้ซื้อเครื่องจักรจากเยอรมนี ล้มลุก คลุกคลาน ทำไม่อร่อยโยนทิ้ง ไม่ได้มาตรฐานโยนทิ้ง พอทำ ได้แล้วลองเอาไปวางขาย คนชิมบอกอร่อย แต่ซื้อเพียงครั้งเดียว เดือนหนึ่งขายได้ไม่ถึง 100 ห่อ ทำให้ต้องกลับมาตั้งต้นใหม่ คิดใหม่คิดค้นพัฒนาสูตรอยู่อีก 2 ปี กว่าจะพัฒนามาเป็นสูตรปัจจุบันที่ลงตัว ในแบรนด์ฟิตโต้ (FITTO) ที่มีให้เลือก 3 รสชาติ โดยวางจำหน่ายที่เซเว่น อีเลฟเว่น, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, แฟมิลี่ มาร์ท และลอว์สัน 108 ทั่วประเทศ
“ช่วง 2 ปีที่ค้นหาความลงตัว ไม่ได้ดูแลตัวเองเลย ที่บ้านรู้ว่าเราเครียด วันๆนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์จุดบกพร่อง คุยกับนักวิจัย พอจะได้สูตร ลองแล้วไม่ดีก็ทิ้ง เพราะ รัจ ตั้งใจอยากทำขนมข้าวกล้องที่ไม่ได้ผสมแป้ง แล้วต้องมีความบางกรอบ กินแล้วไม่เจ็บคอ ทำลายสุขภาพจริงๆ ตอนนี้ได้สูตรลงตัวลูกค้าชิมแล้วติดใจ เป็นที่รู้จักและส่งออกต่างประเทศ มีทั้งสิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม, อินเดีย ฯลฯ แค่ที่ยากตอนนี้กลายเป็นตลาดในเมืองไทย ยังไม่โตเท่าที่ควร มีหลายคนมาบ่นมาหายังไม่เจอ ซึ่งเป็นอุปสรรคอีกด้านที่เราพยายามทำให้มียอดเพิ่มขึ้น อนาคตที่เราวางไว้ เราอยากเป็นแบรนด์ขนมในใจผู้บริโภค เป็นขนมที่โตมากับเด็กไทย”
อุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้สาวเก่งคนนี้ท้อถอย โดยเธอบอกว่า ในการทำงาน รัจ จะซื่อสัตย์กับตัวเอง และซื่อตรงกับผู้บริโภค เวลาเราทำอะไรไม่มี ใครเห็น แต่เราเห็นตัวเราเอง เรารู้ว่าเราทำอะไร ต่อให้เราล้ม เราก็ต้องล้ม โดยไม่ทำร้ายใคร แล้ว รัจ เชื่อถึงความจริงใจในการทำงาน จะไม่ทำจนลืมจริยธรรมในใจ อยากสร้างธุรกิจที่มีความสุข ที่ยั่งยืน และจะพยายามให้ถึงที่สุด...ไม่มีคำว่า “ท้อ” อยู่ในใจเลย.