"หมอประสิทธิ์" เผย ศิริราชเตรียมฌาปนกิจร่างซีอุยเหตุมีครบ 3 อย่างคือ "ร่าง-ชื่อ-คดี" ยันพิจารณาตามหลักเหตุและผลไม่ใช่เพราะการกดดัน ชี้เตรียมใช้เทคโนโลยีทรีดีปริ้นเตอร์ จำลองร่างซีอุยเป็นแหล่งเรียนรู้
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ รพ.ศิริราช ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการฌาปนกิจร่างนายซีอุย แซ่อึ้ง ว่า จากการพิจารณาของอาจารย์แพทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับกรณีนายซีอุย ก็เห็นชอบร่วมกันว่าจะมีการฌาปนกิจ แต่การจะฌาปนกิจได้ต้องมีใบมรณบัตรไปแสดงต่อทางวัด ซึ่งเรียนว่า เรื่องนี้เกิดเมื่อ 60 ปีแล้ว และขณะนั้นนายซีอุยไม่มีญาติ เราจึงให้คณะทำงานไปตามหาเอกสารใบมรณบัตร ซึ่งต้องยอมรับว่าคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้น มีบางส่วนที่เสียชีวิตไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ทางศิริราช จะมีการนำเอกสารที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมอบร่างของนายซีอุยให้กับ รพ.ศิริราช ไปแสดงต่อทางวัดก่อน คิดว่าคงเป็นวัดที่ไม่ใกล้ ไม่ไกลจากศิริราชมากนัก และยังไม่ทราบว่าจะเป็นเมื่อไหร่ หากมีกำหนดวันที่ชัดเจนแล้ว จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และเชิญผู้มีความสนใจเข้ามาร่วมในพิธีฌาปนกิจด้วย
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากนี้จะมีการนำเอาเทคโนโลยีทรีดี(3D) ปริ้นเตอร์ มาทำหุ่นจำลองนายซีอุย ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีค่อนข้างทันสมัย สามารถจำลองได้เหมือนของจริง ส่วนจะเป็นการทำในลักษณะใดนั้นจะมีการพิจารณาต่อไป เมื่อสร้างร่างจำลองแล้ว ก็จะมีการจัดทำชุดข้อมูลประกอบเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ โดยไม่มีการระบุชื่อว่าใครเป็นใคร ส่วนคนจะมีความคิดเห็นต่อคดี ต่อเหตุการณ์ที่เกิดอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
ส่วนร่างอื่นๆ ในพิพิธภัณฑ์ยังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะต้องเรียนว่าร่างทุกร่างที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดนั้น มีเพียงร่างของนายซีอุยที่มีข้อมูลครบ 3 อย่าง คือ 1.ร่างนายซีอุย 2. มีการระบุชื่อ ในช่วงที่ผ่านมา และ 3.เป็นผู้ต้องคดีมาผูกพันกัน ส่วนร่างอื่นๆ ไม่มีข้อมูลตรงนี้ ไม่ได้มีการระบุชื่อ ดังนั้น จึงไม่ได้นำร่างทั้งหมดในพิพิธภัณฑ์มาฌาปนกิจ เพราะต้องยอมรับว่า การศึกษาจากร่างจริง ร่างจำลองมีความแตกต่างกัน
...
อย่างร่าง นายซีอุย ตลอดระยะเวลาที่มีการนำมาศึกษา และจัดไว้ในพิพิธภัณฑ์นั้น ทำให้เกิดการเรียนรู้กับสังคมมากมาย เพียงแค่ได้เห็นร่างก็อาจจะทำให้คนได้ระมัดระวัง อย่างเช่นตน 60 ปีที่ผ่านมา เห็นนายซีอุยเป็นเหมือนครู ตอนเด็กก็รู้ว่าอย่าออกจากบ้านตอนกลางคืน เพราะะอาจจะเกิดอันตรายได้ ที่สำคัญร่างของนายซีอุย มีคุโณปการต่อกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีอาจารย์แพทย์ได้ทำการศึกษาเนื้องอกในสมองที่ทำให้พบว่ามีผลทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงได้
"ขอย้ำว่าการตัดสินใจฌาปนกิจร่างนายซีอุยนั้น ไม่ได้เป็นเพราะถูกกดดันจากสังคมแน่นอน เพราะผม และชาวศิริราชไม่ยอมให้ใครมากดดันอยู่แล้ว ผมพูดไปตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้วว่า ขอบคุณที่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้เราได้มีการทบทวน แน่นอนว่าต้องทบทวนด้วยหลักเหตุและผล เมื่อทบทวนแล้ว อาจจะคงร่างเอาไว้ก็ได้ หรือทบทวนแล้วอาจจะฌาปนกิจร่างก็ได้ ซึ่งวันนี้หลายฝ่ายตัดสินใจร่วมกันแล้วว่า ให้ฌาปนกิจ" ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญตนไม่อยากให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการกดดัน อะไรๆ ก็มีการล่ารายชื่อกดดัน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดี อยากให้ใช้หลักของเหตุและผลมาคุยกันมากกว่า เพราะถ้ามีการตัดสินใจด้วยการกดดัน อาจจะทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ ดังนั้น ขอให้คนไทยใช้หลักเหตุและผลในทุกๆ เรื่อง เพื่อสร้างอนาคตของไทยที่รู้จักเรื่องของเหตุ และผล.