โอละพ่อ สาวกุเรื่องโดนป้ายยา ขโมยลูกวัย 1 เดือนเศษ ที่แท้แม่ตัวจริงมารับคืน แต่ต้องโกหกเพราะก่อนหน้านี้ ท้องแล้วแท้ง แต่สามีไม่รู้ ขณะที่แม่จริงๆ โดนสอบ เข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่
จากกรณีโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพทารก พร้อมข้อความระบุว่า ใครพบเห็นน้องในรูป สงสัยว่ามีคนอุ้ม พาตัวไปจาก น.ส.ศศิธร ชูจิต อายุ 30 ปี แม่ของน้อง หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยการป้ายยา พร้อมให้เบอร์ติดต่อครอบครัวของเด็ก โดยเหตุเกิดเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.)
กระทั่งช่วงเย็น วันเดียวกัน ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้รับการประสานจาก หญิงสาวรายหนึ่ง ทราบชื่อ น.ส.อิงอร (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ชาว จ.ตรัง อ้างว่าเป็นคนพาเด็กไป จึงได้ประสานไปยัง สภ.กันตัง จ.ตรัง ส่งตัว น.ส.อิงอร พร้อมเด็กเดินทางมายัง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี
จากนั้นได้สอบปากคำ น.ส.ศศิธร พร้อมสามี เพิ่มเติม โดย น.ส.ศศิธร ยอมรับสารภาพว่า เด็กชายคนดังกล่าว ไม่ใช่บุตรชายที่แท้จริงของตนเอง ซึ่งตนเองได้ตั้งครรภ์และแท้งลูก ด้วยความกลัวครอบครัวสามีเสียใจและผิดหวัง และเมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด ได้รู้จักกับแม่ของเด็กที่ประสงค์จะหาผู้เลี้ยงดูบุตรเนื่องจากมีปัญหาครอบครัว จึงสวมรอยว่าเด็กเป็นลูกของตน
ขณะที่เมื่อ น.ส.อิงอร เดินทางมาถึง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ให้การยืนยันว่า เรื่องป้ายยาไม่เป็นความจริง และได้มีการนัดแนะมาดูบุตรชาย ก่อนที่จะรับตัวกลับไป ซึ่งการที่ตนเองเดินทางมา สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นั้น เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าเด็กคนดังกล่าวเป็นบุตรของตนเอง พร้อมนำใบสูติบัตรแจ้งเกิดและหลักฐานการคุยผ่านแอปพลิเคชันไลน์ มาแสดงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน
...
ต่อมาวันนี้ (11 มิ.ย.) พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ฝ่ายสืบสวนสอบสวน เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าเด็กชายดังกล่าวมีการแจ้งเกิดไปตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2562 จึงทำให้เด็กมีอายุ 2 เดือนเศษ ซึ่งไม่ตรงกับใบแจ้งเกิดของ น.ส.ศศิธร ที่ได้แจ้งเกิดในวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเท่ากับเด็กมีอายุเพียง 1 เดือนเศษ
พ.ต.อ.วิรุฬห์ กล่าวว่า จากการสอบสวนยังทราบอีกว่า น.ส.อิงอร ได้เกิดตั้งครรภ์ในขณะเรียนหนังสืออยู่จึงทำให้มีปัญหากับทางครอบครัว เมื่อเลี้ยงลูกได้ระยะหนึ่งจึงได้นำลูกมามอบให้กับ น.ส.ศศิธร เลี้ยงที่ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจาก น.ส.ศศิธร แท้งลูก และกลัวมีปัญหากับครอบครัวของสามี จึงได้ไปทำใบสูติบัตรให้กับลูกใหม่ ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 แต่เรื่องกลับตาลปัตร หลังกุเรื่องว่าถูกป้ายยา และโดนขโมยลูกไป ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการตกลงคืนลูกกันระหว่าง น.ส.อิงอร กับ น.ส.ศศิธร จากนั้นสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อปกปิดความจริงกับครอบครัวสามี
"อย่างไรก็ตาม ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมประสานกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมตรวจสอบข้อมูล การประกาศทางเฟซบุ๊กของ น.ส.อิงอร หาผู้อุปการะลูกชาย จะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ ส่วน น.ส.ศศิธร เบื้องต้นจะถูกดำเนินคดีในประเด็นการแจ้งความเท็จ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ก่อน ซึ่งให้อำนาจ ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และพนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างเต็มที่" พ.ต.อ.วิรุฬห์ กล่าว.