สัตวแพทย์เตือน เจ้าของระวังสุนัขเกิดภาวะฮีทสโตรกเสียชีวิต จากอากาศร้อนจัด พร้อมแนะวิธีสังเกตอาการ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ชี้ สุนัขตัวใหญ่ ขนหนา พันธุ์หน้าสั้น มีความเสี่ยงสูง...

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เตือนภัย หลังสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ที่เลี้ยงไว้เกิดฮีทสโตรกเสียชีวิต เนื่องจากอากาศร้อน ซึ่งต่อมาพบว่ามีเจ้าของสุนัขอีกหลายรายเข้ามาแชร์ประสบการณ์ร่วมกันว่า สุนัขที่เลี้ยงไว้ก็เสียชีวิตจากฮีทสโตรกเช่นกันนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 19 เม.ย.62 ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้สอบถามถึงกรณีดังกล่าวกับ สพ.ญ.ธัญพร ทรงศรีเอี่ยม สัตวแพทย์ ประจำโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เปิดเผยว่า ฮีทสโตรกในสุนัข เป็นภาวะที่สุนัขมีความร้อนในร่างกายสูงมากกว่าปกติ ซึ่งปกติแล้วอุณหภูมิในร่างกายสุนัขจะอยู่ที่ 38-39 องศาเซลเซียส แต่เมื่อใดก็ตามที่อุณหภูมิร่างกายของสุนัขสูงเกินประมาณ 40-41 องศาเซลเซียส จะมีผลทำให้ร่างกายร้อน อาจทำให้เกิดภาวะฮีทสโตรก (Heatstroke) หรือเรียกว่า โรคลมแดด

สำหรับอาการเบื้องต้น ให้ดูลักษณะทั่วไปของสุนัขก่อน เช่น อาการหอบ หายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือดูจากสีเยื่อเมือกที่ปกติจะเป็นสีชมพู หากเกิดภาวะนี้เยื่อเมือกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าน้ำลายจะเหนียวจากการขาดน้ำ ถ้าเป็นหนักๆ สุนัขอาจจะถึงขั้นช็อก หรือขั้นร้ายแรงสุด สุนัขอาจเสียชีวิตได้เลย

...

"ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายของสุนัขสูงขึ้น อันดับแรกมาจากความร้อน ยิ่งช่วงฤดูร้อนจะเห็นได้ว่าสุนัขจะมีพฤติกรรมนอนเยอะขึ้น ไม่ขยับร่างกาย เจ้าของบางคนก็จะกลัวว่าสุนัขของตัวเองดูซึมลงจึงพาสุนัขออกไปวิ่งเล่น เช่นพาวิ่งเล่นกลางแดด ก็จะมีผลทำให้ร่างกายสุนัขมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างฉับพลัน อีกอย่างคือการใส่เสื้อผ้าให้สุนัข หากเป็นช่วงฤดูร้อนแนะนำให้เลือกเสื้อผ้าที่บางลง หรือไม่ต้องใส่เลยจะดีกว่า นอกจากนี้การที่ให้สุนัขอยู่ในกรงที่มีแดดส่อง หรือทิ้งสุนัขให้อยู่ในรถที่ดับเครื่องก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สุนัขเกิดฮีทสโตรกเช่นกัน จึงอยากให้ระวังตรงนี้ด้วย"

สพ.ญ.ธัญพร กล่าวต่อว่า สุนัขจะไม่มีต่อมเหงื่อที่สามารถระบายความร้อนได้มากเท่าคน จึงทำได้แค่หอบหายใจเอาความร้อนภายในออกมา หรือ ระบายความร้อนออกมาทางฝ่าเท้า ดังนั้นเมื่อสุนัขมีอุณหภูมิร่างกายสูง เจ้าของจึงต้องลดความร้อนด้วยการนำสุนัขออกจากพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว เป่าพัดลม เพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย แต่หากสุนัขยังมีสติอยู่สามารถให้สุนัขกินน้ำเย็นได้ รวมไปถึงการใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดตามฝ่าเท้าของสุนัข

ทั้งนี้หากพบว่า สุนัขมีการหายใจหอบแต่สีลิ้นยังปกติให้ปฐมพยาบาลระบายความร้อนเบื้องต้นไปก่อน แต่หากพบว่าสีลิ้นของสุนัขเปลี่ยนเป็นสีม่วง หอบ หายใจลำบาก นอนไม่มีแรง ให้รีบพามาพบแพทย์ทันที เพราะมีโอกาสที่สุนัขจะเสียชีวิต โดยระหว่างนั้นแนะนำให้วัดไข้ทุกๆ 5 นาที เพื่อดูว่าอุณหภูมิลดลงไหม

ฮีทสโตรก เกิดกับสุนัขได้ทุกพันธุ์ แต่ที่พบบ่อยจะเกิดกับสุนัขที่ตัวใหญ่ ตัวอ้วน ขนหนา รวมไปถึงสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น ปั๊ก, เฟรนช์ บูลด็อก และตั้งแต่เข้าหน้าร้อนมา เฉพาะเดือนเมษายน พบว่ามีสุนัขเป็นฮีทสโตรกเฉลี่ยวันละประมาณ 2-3 เคส บางเคสช่วยทันก็ไม่เสียชีวิต และนอกจากสุนัขแล้ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ก็มีโอกาสเกิดฮีทสโตรกได้ แต่ไม่พบเยอะเท่าสุนัข.