ชาวบ้านพบ "ฟอสซิลหอย" โผล่ที่บ้านแหลมโพธิ์ จ.กระบี่ หลังเกิดไฟไหม้ป่า คาดอายุ 30 ล้านปี ยุคเดียวกับสุสานหอย ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน คาดมีสิทธิ์พบฟอสซิลหอบอีกมาก...

วันที่ 5 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิมิตร ศรคลัง ผอ.กองคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ กรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วย ดร.ดวงฤทัย แสแสงสีรุ้ง นักธรณีวิทยาชำนาญการ นายเปลี่ยนประสพ ขาวนวล หน.หน่วยพิทักษ์อุทยานที่ พพ.2 (สุสานหอย) อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และ อ.ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เข้าตรวจสอบหินกองใหญ่บริเวณพื้นที่ ม.6 บ้านแหลมโพธิ์ ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ หลังรับแจ้งว่าพบซากเปลือกหอยฝังอยู่ในหินจำนวนมาก ลักษณะคล้ายกับฟอสซิลเปลือกหอยที่พบในสุสานหอย 75 ล้านปี ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน

ทั้งนี้ สภาพพื้นที่ดังกล่าว ทราบว่าเป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิของเอกชนรายหนึ่ง เดิมเคยใช้พื้นที่ทำเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำ หลังจากเลิกเลี้ยงก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ จนหญ้าขึ้นรกปกคลุมกลุ่มหินดังกล่าวไว้ กระทั่งเมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เกิดไฟไหม้ป่าหญ้าดังกล่าวจนราบ ทำให้ชาวบ้านพบเห็นกลุ่มหินดังกล่าว

...

จากการตรวจสอบพบในตัวหินมีซากของเปลือกหอยติดอยู่จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหอยฝาเดียว หอยมวนพลู และอีกหลายกลุ่ม ที่มีสภาพสมบูรณ์มากกว่าที่พบในสุสานหอยปัจจุบัน โดยอัดแน่นอยู่จำนวนมาก โดยจุดที่พบใหม่ ตั้งอยู่ห่างจากสุสานหอยเดิมประมาณ 500 เมตร เบื้องต้นทางนักธรณีวิทยา ประเมินแล้วว่าน่าจะเป็นซากฟอสซิลอายุประมาณ 20-30 ล้านปี ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่พบในสุสานหอยปัจจุบัน

อ.ศักดิ์อนันต์ กล่าวว่า ซากฟอสซิล ในจุดที่พบใหม่จุดนี้ เป็นยุคเดียวกับสุสานหอยเดิมที่แหลมโพธิ์ ซึ่งก่อนนี้พื้นที่ดังกล่าว ชาวบ้านขุดดินขึ้นมาเพื่อจะทำบ่อเลี้ยงกุ้ง แล้วขุดลงไปเจอซากฟอสซิลดังกล่าว แต่ไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร จึงนำมากองไว้ จากการลงพื้นที่หาข้อมูลพบว่าใต้พื้นที่ใน ต.ไสไทย มีโอกาสที่จะเจอซากฟอสซิล เหล่านี้อีกจำนวนมาก เพราะเป็นพื้นที่แหล่งเดียวเป็นแนวต่อเนื่องกับสุสานหอยเดิม จุดที่พบใหม่ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจของนักวิชาการ เพราะเชื่อว่ายังจะมีโอกาสพบอีกมากในที่ดินของชาวบ้าน

หากมีการสำรวจกันจริงๆ อาจจะเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก เพราะสุสานหอยปัจจุบัน ถือเป็นแหล่งค้นพบใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ถือเป็นเรื่องดีต่อ จ.กระบี่ และของชาวบ้าน เพราะตาม พ.ร.บ.คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551 ก็เปิดโอกาสให้เจ้าของพื้นที่ หรือชุมชน บริหารจัดการพื้นที่เองได้ เพราะไม่อยู่ในเขตอนุรักษ์ ซึ่งเชื่อว่าหากสำรวจเพิ่มเติม จะพบอีกมากในชั้นใต้ดินรอบๆ บริเวณ

ด้าน ดร.ดวงฤทัย กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบซากของเปลือกหอยค่อนข้างมาก โดยที่พบมากสุดจะเป็นพวกหอยกาบเดียว หอยมวนพลู หรือหอยคัน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่พบในบริเวณสุสานหอยโซน 3 ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อายุน่าจะอยู่ประมาณ 20-30 ล้านปี ซึ่งถือเป็นแหล่งสำคัญทางธรณีวิทยา และทางโบราณคดีของประเทศ สำหรับจุดใหม่ที่พบหลังจากนี้ จะประสานกับเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอเข้าสำรวจว่ายังมีเพิ่มเติมอีกหรือไม่

ขณะที่ นายนิมิตร กล่าวว่า ในส่วนของสุสานหอย 75 ล้านปีเดิมที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้วนั้น ก่อนนี้ทางนักธรณีวิทยา ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าจากเดิมที่เข้าใจว่ามีอายุถึง 75 ล้านปีนั้น หลังตรวจสอบแล้วพบว่ามีอายุจริงอยู่ที่ 20-30 ล้านปี ถือเป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาที่สำคัญของประเทศ และของโลก ปัจจุบันจึงประกาศเป็นเขตคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551 แล้ว ซึ่งจะมีโทษสำหรับผู้ที่เข้าไปเคลื่อนย้าย หรือทำลายซากเหล่านี้

โดยจะมีโทษปรับสูงถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ แต่ในส่วนที่พบในพื้นที่เอกชน กฎหมายก็ยกเว้นไว้ให้สำหรับเจ้าของพื้นที่ ว่าจะยกให้เป็นพื้นที่คุ้มครอง หรือจะบริหารจัดการเอง.