ตั้งเป้าปูพรมพัฒนาทั่วประเทศ ภายใน 5 ปี
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พร้อมประกาศเกณฑ์การพิจารณาเมืองอัจฉริยะ และเปิดตัวตราสัญลักษณ์ Smart City Thailand เดินหน้ารับสมัครเมืองเดิม เมืองใหม่ทั่วประเทศมาพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ 7 ด้าน ได้แก่ Smart Economy, Smart Mobility, Smart Energy, Smart Living, Smart People, Smart Governance และ Smart Environment พร้อมเดินหน้าดัน 3 จังหวัด EEC เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวถึง ความก้าวหน้าโครงการ Smart City ที่ depa ให้การสนับสนุนและเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานว่า โครงการ Smart City ตามที่รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายไว้ ในปีแรกที่ผ่านมาได้นำร่องเมืองอัจฉริยะ 7 จังหวัด 10 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น กรุงเทพฯ และในพื้นที่ 3 จังหวัด EEC ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ไปแล้ว และจะขยายไปสู่ 24 จังหวัด 30 พื้นที่ และภายใน 5 ปี (2563-2565) จะขยายไปทั่วประเทศ 76 จังหวัดและ กทม. 100 พื้นที่ ซึ่งการดำเนินงานใน 1-2 ปีแรกที่ผ่านมา ได้ใช้กลไกนำร่องโดยหน่วยงานรัฐ เอกชนที่มีความพร้อมก่อนเช่นในพื้นที่ ภูเก็ต ขอนแก่น ศูนย์พหลฯ ของกรุงเทพ และ EEC ส่วนในปีที่ 2 นี้จะใช้กลไกเปิดรับสมัครเมืองทั่วประเทศมาพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะ และเดินหน้าดัน 3 จังหวัด EEC เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบต่อไป
ผอ. depa กล่าวว่า ล่าสุด คณะกรรมการฯ ได้ประกาศเกณฑ์การพิจารณาเมืองอัจฉริยะ และเปิดตัวตราสัญลักษณ์ Smart City Thailand โดยเกณฑ์การพิจารณาเมืองอัจฉริยะประกอบไปด้วย 5 ข้อ คือ 1.ต้องกำหนดพื้นที่และเป้าหมายชัดเจน 2.ต้องมีแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมือง 3.ต้องมีระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมืองที่ปลอดภัย 4.ต้องมีบริการเมืองอัจฉริยะตามลักษณะ 7 ด้าน และ 5.ต้องมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืน พร้อมเดินหน้ารับสมัครเมืองเดิม เมืองใหม่ทั่วประเทศมาพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ 7 ด้าน ได้แก่ Smart Economy, Smart Mobility, Smart Energy, Smart Living, Smart People, Smart Governance และ Smart Environment
ทั้งนี้ ในส่วนของการพัฒนาเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัด EEC ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา มีแผนดำเนินงานเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ โดยด้าน Smart Mobility: พัฒนา Data Traffics การจราจรในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ด้าน Smart Living: พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัย ของประชากรในพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบัง และพัทยา ด้าน Smart Community: พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและอุบัติเหตุในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและบริเวณโดยรอบ ด้าน Smart Environment: นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อรายงานข้อมูลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และด้าน Smart Economy: เพื่อให้เกิด tourism data analytic platform พื้นที่เมืองพัทยา
ดร.ณัฐพล กล่าวว่า หลังมีการประกาศหลักเกณฑ์การพิจารณาเมืองอัจฉริยะแล้ว ทาง depa คาดหวังว่า ทุกๆ เมืองจะมีการเตรียมความพร้อมตามเกณฑ์ที่กำหนดในส่วนของภาคเอกชนตอนนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะเอาโซลูชั่นหรือทางออกในการแก้ไขปัญหาในการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ที่จะช่วยให้เมืองได้รับการพัฒนาเป็นเป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นเมืองที่อัจฉริยะมากขึ้น สามารถที่จะดำเนินการได้สะดวกซึ่งประเทศไทยเรามุ่งเป้าหมายว่าจะเป็นประเทศที่จะขับเคลื่อนเรื่อง Smart City และเป็นผู้นำกลุ่มภูมิภาคอาเซียน โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด ตั้งแต่รูปแบบการขอสิทธิ์ รูปแบบการสมัครเข้าโครงการ Smart City ทั้งที่เป็นประเภทกิจการ ทั้งที่เป็นประเภทเมือง หรือเป็นประเภทราชการ และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเมืองอัจฉริยะ ได้ที่ www.smartcitythailand.or.th