หนุ่มนักวิจัย พบ ชาวนาไทยยุคใหม่ที่เน้นทำเกษตรอินทรีย์ ไม่พูดว่ารวย แต่มีเงิน ใช้สมาร์ทโฟน เล่นเน็ตหาความรู้ด้านเพาะปลูก มีที่ดินทำกินเอง ขณะที่สมาชิกพันทิปร่วมกันแชร์ประสบการณ์
สมาชิกพันทิปเว็บไซต์ pibool ตั้งกระทู้ ชาวนาที่ผมพบระหว่างไปช่วยทำวิจัย ไม่เหมือนที่เราคิด พร้อมระบุว่า ผมเป็นคนที่ลงพื้นที่บ่อยอยู่แล้ว แต่มักไม่ค่อยพบกับชาวนาเท่าไหร่ บังเอิญช่วงสองปีมานี้ ผมไปช่วยอาจารย์ท่านหนึ่งทำวิจัย เลยพบกับชาวนาทางอีสานบ่อย อำเภอที่ผมลงส่วนใหญ่เป็นอำเภอ ที่มีร้านสะดวกซื้อ 3 แห่งอยู่ในปั๊ม ปตท.หนึ่งแห่ง และในตัวอำเภอสองแห่ง คือเป็นอำเภอขนาดกลางออกไปทางเล็ก มีหลายอย่างที่ไม่เหมือนที่ผมมโนขึ้น เลยอยากเล่าให้ฟัง
ฐานะ
- ชาวนาที่ผมพบทางอีสาน กลุ่มเป้าหมายคือทำเกษตรอินทรีย์ ดังนั้นรายได้ของเขาค่อนข้างดี เพราะมีผู้รับซื้อส่งออกไปต่างประเทศ และต้นทุนเกษตรอินทรีย์ต่ำ ผมไม่ค่อยพบคนจน เชื่อว่ามี แต่เขาไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายวิจัย
- ชาวนามักไม่พูดว่าเขารวย เพราะทุกคนมีหนี้ สภาพจะคล้ายคนเมืองคือมีทั้งหนี้ และรายรับที่ดี
- บ้านที่รวยจริง คือ บ้านที่มีคนหนุ่มสาว เช่น ลูกไปทำงานโรงงานที่กรุงเทพ แล้วกลับมาทำนา
- ทุกบ้านมีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำเป็นเช่นเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ โทรทัศน์จอแบน
- ทุกคนมีที่ดิน (คนไม่มีที่ดินมักไม่ได้อยู่ในการวิจัย ผมเลยไม่ทราบว่ามีเยอะไหม)
- ชาวนาทุกครอบครัวมีรถยนต์ อย่างน้อยปิกอัพหนึ่งคัน ส่วนใหญ่จะมีหลายคัน และอาจมีรถอีโคคาร์ไว้ให้ภรรยาส่งลูกไปโรงเรียนเหมือนกับคนในเมือง
...

ชีวิต
- บ้านมักใหญ่แต่ไม่หรู เช่นสร้างแบบครึ่งๆ กลางๆ
- เด็กราวๆ 10% มีแอร์ในห้องนอน
- เด็กทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ
- เด็กทุกคนไปร้านสะดวกซื้ออย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้ง ถ้าคนที่บ้านมีอีโค่คาร์ก็ไปทุกวัน
- ร้านสะดวกซื้อจะมีสถานะคล้ายกับห้าง วัยรุ่นมักขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั่งเล่นหน้าร้านสะดวกซื้อ
- ทุกคนมีสมาร์ทโฟน แม้แต่ไอโฟนก็พบบ่อย ทุกคนเล่นไลน์ เฟซบุ๊กได้ และเข้าเว็บเช็กราคาพืชผลได้ - ส่วนเวลาว่าง ก็ดูยูทูบกัน พูดง่ายๆ คือ สิ่งเดียวที่เชื่อมชุมชนในปัจจุบันก็คืออินเทอร์เน็ต
- คนส่วนใหญ่ได้ความรู้ทางการทำนาเพิ่มจากยูทูบ เช่นเรื่องคลาสสิกที่ว่า "ถ้าตัดหญ้าให้ตัดต้นข้าวไปพร้อมกัน"
- ไม่พบคนที่เรียกว่า "บ้านนอก" ทุกคนรับรู้ มีความรู้ เท่ากับคนในเมือง เว้นแต่อาจไม่รู้บางเรื่องเช่นการเล่นหุ้น หรือเรื่อง BNK48 แต่ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่อบต. หรือ รพ.สต. จะมีความรับรู้เท่าคนเมืองเป๊ะ
สุขภาพ
- ชาวนาอีสานที่ยังหนุ่มมักตัวสูงใหญ่ คนสูง 180 ซม.นี่พบเยอะมาก
- ชาวนา 100 คน มีสุขภาพดีจริงๆ 1-2 คน ผมจะเล่าที่เท่านึกออก เพราะผมไม่ได้เก็บข้อมูลไว้เอง อาจคลาดเคลื่อนได้ คือใน 100 คน ไขมันสูง 80-90% สูงสุดคือ Triglyceride หรือ ไตรกลีเซอไรด์ราว 3,000 ไตไม่ปกติ 40-50% (ดูจาก e-GFR) ความดัน เบาหวาน อย่างละราวๆ 10-20%
- ส่วนใหญ่การเจ็บป่วยเกิดจากการกินอาหาร เช่น เค็มจัด มันจัด หวานจัด แต่หลายคนก็หาสาเหตุไม่ได้
- อาหารส่วนใหญ่ทำกินเอง แต่ร้านอาหารดีๆ เดี๋ยวนี้มีทุกแห่ง แม้แต่ในชนบทที่ไกลมากๆ
- คนส่วนใหญ่มียากินครบ ต้องขอบคุณบัตรทอง เช่นส่วนใหญ่ มียาลดไขมัน ยาความดันฯลฯ การไปรับยาถือเป็นความสุขของคนแก่ทีเดียว ได้สังสรรค์ อวดลูกกัน เช่น "ลูกฉันทำงานอยู่ไมโครซอฟต์" (ที่แปลกคือทุกคนก็รู้จักไมโครซอฟต์)
ราชการ
ชาวนามักลังเลที่จะเข้าร่วมกับทางราชการ เช่น ถ้าเข้าร่วมอาจได้ทุนมาสร้างโรงสีของชุมชน แต่ถ้าพลาดเช่นไปรับปุ๋ยฟรีมา เมื่อเอามาใส่ในนาอาจมีผลแทรกซ้อน เช่น ทำให้ไม่เป็นอินทรีย์ 100% เสี่ยงต่อการถูกถอดถอนจากกลุ่มเกษตรอินทรีย์

สมาชิกพันทิปล็อกอิน WindMaster : เพราะกลุ่มตัวอย่างที่คุณไปพบเจอเป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีคุณภาพครับ และกลุ่มตัวอย่างพวกนี้จะไม่ค่อยออกมายุ่งเกี่ยวทางการเมืองครับ แต่คุณไม่ได้เจอชาวนาอีกแบบที่ขายที่นาดั้งเดิมของตัวเองหวังเม็ดเงินก้อนแล้วไปเช่านาเขาทำตลอด แล้วก็กินเหล้าเป็นอาจิณ ว่างเป็นกินเหล้าเข้าบ่อน พวกนี้มีจำนวนค่อนข้างมาก และจะก่อปัญหาทางการเมืองค่อนข้างเยอะด้วย
สมาชิกพันทิปล็อกอิน หมูน้อยบางวัว : เท่าที่ทราบ ชาวนาในเขตภาคอีสานเป็นชาวนาที่มีที่ดินทำกิน
ชาวนาที่เช่านาทำ ส่วนใหญ่อยู่ภาคกลางเช่นทุ่งปทุมธานี ชาวนาส่วนใหญ่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง มักไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อพรรคการเมือง แต่เป็นการเคลื่อนไหวในเชิงการอุดหนุนราคาผลผลิตการเกษตร, หรือการเงินชดเชยกรณีพิบัติภัยซะมากกว่า รวมถึงการเรียกร้องแก้ไขในนโบายจากภาครัฐ ที่ไม่ได้ถูกสร้างเพื่อมาแก้ปัญหาท้องถิ่น (เพราะคนคิดกับนำปฏิบัติไม่ได้อยู่พื้นที่เดียวกัน)

สมาชิกพันทิปล็อกอิน เดินตากฝนกับคนไม่รู้จัก : ค่อนข้างตรงกับของผมอยู่นะ แต่ของผมจะเป็นสวนผสมแบบอินทรีย์อยู่ทางใต้ คนทำอินทรีย์จะเคร่งเรื่องปุ๋ยเรื่องยามาก หลายสวนทำเป็นศูนย์เรียนรู้ให้คนอื่นมาดูงานต่อยอด ส่วนมากจะอายุไม่มากมีลูกหลานเรียนจบมาช่วย ทำให้หลายคนมีรายรับพอตัวเลยทีเดียว อ้อ คนที่ไม่ปรับตัวเรียนรู้ก็มีเยอะนะ พวกนี้จะคอยแต่ราคายางคอยเรียกร้องการเมืองซึ่งฐานะและนิสัยจะต่างจากคนที่ผมคลุกคลีเยอะทีเดียว
สมาชิกพันทิปล็อกอิน Overdrink : ผมทำงานออฟฟิศ แต่ก็มีเพื่อนร่วมงานที่บ้านทำนาอยู่หลายคน ชีวิตความเป็นอยู่ถือว่าค่อนข้างดี บางบ้านถือว่ารวยเลย เกือบทุกคนบอกเหมือนกันหมดว่าเมื่อก่อนจน แต่ก็พัฒนาความเป็นอยู่ขึ้นมาได้ ผมสรุปเอาเองจากที่ฟังมาคือทัศนคติ คือ เรื่องสำคัญ
1. ทุกบ้านสนับสนุนให้ลูกๆ เรียนหนังสือ
2. ทุกคนบอกเหมือนๆ กันว่าการทำนาไม่ได้ยากลำบากอย่างที่พวกเราเข้าใจ มันจะมีวันที่หนักอยู่แค่ไม่กี่วันที่เหลือก็ปล่อยไปตามดินฟ้าอากาศ อากาศดีน้ำดีก็ผลผลิตดี
3. บางบ้านมีที่เยอะก็แบ่งขาย บางบ้านพอมีเงินเยอะก็สะสมที่เพิ่ม บางบ้านก็ลงทุนทำโรงสี

สมาชิกพันทิปล็อกอิน corktreesis : ชาวนาบางคนก็มีความเป็นอยู่แบบคุณพบ แต่ก็มีชาวนาอีกจำนวนมากค่ะ ที่ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย เคยถาม ก็บอกมีเงินก็คงดี อยากได้อะไรก็ได้ แต่ถ้าไม่มีเงิน ก็อยู่แบบไม่มีแหละค่ะ มีความสุขแบบจนๆ ไม่ได้หาข้ออ้างให้ความจน
แต่มีชาวนาจนๆ ที่ดูมีความสุขมากกว่าคนเมืองอีกค่ะ แค่อยู่พร้อมหน้าครอบครัว ขี่รถมอไซค์ออกไปหาปลา หาเห็ดกัน ช่วยกันดำนา ลูกหลานว่านอนสอนง่าย เท่านี้ก็สุขแล้วค่ะ สุขใจ แม้จะลำบากกายบ้าง เราเห็นยังอิจฉาเลย 55 ทำนายากนะคะ แค่แยกข้าวกับหญ้า สำหรับเราก็ยากแล้ว ยิ่งดำนานี่สุดๆ จริงๆ อยากมีนาของตัวเอง แต่คิดหนักมากถ้าต้องทำเองทั้งหมด
สมาชิกพันทิปล็อกอิน เสียงจากบ้านนา : เรามีญาติที่เป็นเกษตรกรและชาวนาพวกเขาไม่จน และไปเที่ยวต่างประเทศแถบยุโรปได้เมื่อเขาอยากไป แต่ภายนอกที่เราเห็น คือขี่มอไซค์เก่าๆ ตากแดดหน้าดำ ใส่เสื้อมอซอเข้าสวนทำไร่
ดังนั้น อย่าสงสารและอย่าไปดูถูกปัญญาคนกลุ่มนี้เด็ดขาดเลย ถ้าคุณถามว่าเขารวยไหม เขาจะบอกว่าไม่รวยและสภาพภายนอกเขาทำให้คุณเชื่อได้ด้วยว่าเขาจนมาก แต่พวกนี้ อย่าให้เขาได้เที่ยว .... เราค้าขาย เราขายของให้คนกลุ่มนี้เวลาเขาตั้งใจมาเที่ยว ขายง่ายมากไม่ค่อยต่อราคา สรุปก็คือเขามีเงินแต่เขาไม่พูด เขามีปัญญาและฉลาดกว่าที่คิด เขาเข้าถึงสื่อได้เท่าคนในเมืองแล้ว
สมาชิกหมายเลข 1082362 : เราบอกมาตลอดเลย ว่าถ้าคนมีที่ดินทำกิน ไม่ว่าจะเกษตรกร ชาวนา ไม่จนนะคะ แค่เขาใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่ถ้าลูกจ้างชาวนา ลูกจ้างเกษตรกร อันนี้จน เชื่อ
(อ่านต้นฉบับทั้งหมด ที่นี่)