สาวเจ้าของรถเปิดใจ หลังไปจอดรถวัดดังเพื่อขึ้นไหว้เขาคิชฌกูฏ แต่รถถูกกรีด สาดส้มตำ เทดินใส่ ย้ำไม่ได้ตั้งใจจอดขวางคันอื่นๆ เผย เจ้าหน้าที่วัดเป็นคนโบกให้จอด

จากกรณีในโลกโซเชียล มีการแชร์โพสต์ของสาวคนหนึ่งที่จอดรถในวัดแห่งหนึ่ง เพื่อขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทที่เขาคิชฌกูฏ โดยรถที่จอดอยู่ถูกปากกาเมจิกเขียนที่ตัวรถ เทดินทราย ส้มตำละเลงรอบรถ ด้านโซเชียลตั้งข้อสงสัยจอดรถขวาง ปิดท้ายคนอื่นก่อนหรือเปล่า และถามเงินทำขวัญจากวัด 5,000 บาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ (ชาวเน็ตจับโป๊ะ สาวจอดรถวัดดัง โวยคนแกล้งเทส้มตำ ใช้เมจิกเขียนด่า)

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้รับการเปิดเผยจากนางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ชาวอำเภอบึงสามพัน ระบุว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา ตนกับเพื่อนเดินทางไปสักการะรอยพระพุทธบาทที่เขาคิชฌกูฏ โดยขับรถไปคนละคัน

เมื่อไปถึงที่วัดได้มีเจ้าหน้าที่โบกรถให้ตนไปจอดคู่กันในบริเวณดังกล่าว เมื่อตนจอดเสร็จเกรงว่ารถจะไหลไปชนคันอื่นจึงได้ดึงเบรกมือไว้ จากนั้นได้เดินทางขึ้นไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท เสร็จได้เดินทางกลับลงมา ก็พบว่ารถถูกราดด้วยส้มตำ และดินจนเปื้อนไปทั้งคัน รวมทั้งถูกของมีคมกรีดจนเป็นรอยรอบรถพร้อมทั้งเขียนข้อความต่างๆ ไว้

ทั้งนี้ ตนจึงได้ถ่ายรูปและโพสต์ลงในเฟซบุ๊กด้วยความโมโห จากนั้นจึงได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่วัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด จึงพบว่า รถคันที่จอดอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นวัยรุ่นชายได้ใช้ส้มตำราด และสาดดินใส่รถจนเปื้อน พร้อมทั้งใช้สิ่งของมีคมกรีดไปรอบๆ รถจนเป็นรอยลึกทั้งสองคัน

จากนั้น เมื่อมีช่องทางออกรถคันดังกล่าวก็ได้ขับออกไป ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่พอใจที่ตนไปจอดรถขวางด้านหน้าทำให้รถออกไม่ได้ ในเบื้องต้นตนได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ติดตามตัวผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

...



อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า พอขับรถไปถึงเจ้าหน้าที่วัดก็ได้เป็นคนโบกให้มาจอดในจุดดังกล่าวเอง ตนไม่ได้จอดโดยพลการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุทางวัดได้กล่าวขอโทษที่เจ้าหน้าที่ปล่อยให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมทั้งนำรถไปล้างให้และมอบเงินค่าเสียเวลาและค่าทำขวัญให้ 5,000 บาท

ทั้งนี้ ตอนแรกตนก็จะไม่รับ แต่เจ้าหน้าที่วัดได้ขอร้องให้รับไว้เพื่อเป็นการขอโทษ ตนจึงรับไว้และไม่ติดใจกับเจ้าหน้าที่ของวัด และอยากจะฝากเจ้าหน้าที่ของวัดที่มีหน้าที่จัดการจอดรถควรที่จะดูให้ละเอียดรอบคอบว่าขวางทางคนอื่น หรือแนะนำให้ไม่ต้องดึงเบรกมือ เป็นต้น สำหรับผู้ที่กระทำกับรถของตนเองและรถเพื่อนก็ต้องให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นางสาวบี กล่าวอีกว่า ตอนแรกที่ตนเห็นว่ารถถูกสาดด้วยส้มตำและดินตนก็ยังไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างใด เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ล้างออก แต่เมื่อพบว่ารถถูกกรีดเป็นรอยได้รับความเสียหายรอบคันจึงจำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดีเพราะเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป

ส่วนผู้ที่โพสต์ต่อว่าตนและเพื่อนในโซเชียล ตนก็อยากจะชี้แจงว่าการจอดรถ เจ้าหน้าที่ของวัดเป็นผู้บอกให้มาจอด ณ จุดดังกล่าวเอง ซึ่งตนก็เชื่อและคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาใดๆ แต่ก็มาเกิดปัญหาดังกล่าวจนได้