เมากันทั้งประเทศ ต้นพญาสัตบรรณ หรือ ต้นตีนเป็ด โชยกลิ่นยามเย็นมาต้นเดียวไม่เท่าไร เจอเป็นดงทำความดันขึ้น แถมกลิ่นรุนแรงทะลุหน้ากาก N95
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงวันที่ 13 - 16 ม.ค. 62 หลายจังหวัดในประเทศไทยต้องพบปัญหาฝุ่นละออง แต่ในช่วงเย็นวันที่ 15 ม.ค. เป็นต้นมาหลายจังหวัดในทุกภูมิภาค และกรุงเทพมหานคร ต้องเผชิญกับปัญหากลิ่นต้นตีนเป็ด หรือต้นพญาสัตบรรณ ซึ่งกลับมาส่งกลิ่นอีกครั้งในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ชาวโซเชียลจำนวนมากได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับกลิ่นต้นตีนเป็ดเป็นจำนวนมาก เช่น กลิ่นรุนแรงทะลุหน้ากาก N95, สวดมนต์ไล่กลิ่นต้นตีนเป็ดก็ยังไม่ไป, วอนรัฐบาลช่วยกวาดล้างต้นตีนเป็ดด้วย
มันเป็นภัยร้ายต่อสังคม, คนแก่หลายคนเวียนหัวจนความดันขึ้นเป็นต้น ขณะเดียวกัน ชาวโซเชียลบางคนก็มองว่า กลิ่นหอมเย็นๆ ดี ได้กลิ่นแล้วสดชื่นไม่น้อย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แฟนเพจเฟซบุ๊ก เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว ให้ข้อมูลไว้ว่า ความรุนแรงของกลิ่นต้นพญาสัตบรรณ ที่เข้มข้นสูงๆ ที่มาแบบเป็นดงนั้น ไม่ได้มีแต่คนไทยเราๆ ที่บ่นกัน แต่ทั้งแถบเอเชียใต้ เวียดนาม และเขตร้อนชุ่มชื้นทั้งหลายนั้นถึงกับกล่าวขวัญว่าเป็น "ต้นไม้แห่งกลิ่นปิศาจ" เลยทีเดียว
...
ทั้งนี้ สาเหตุของความปวดหัวยามที่ได้กลิ่นดอกตีนเป็ดแบบเข้มข้นนั้น เกิดจากการที่สารในกลุ่มลินาโลออล (linalool) ที่สามารถกระตุ้นระบบประสาทในสมองให้ทำงานหนักยิ่งขึ้น และส่งผลทำให้เกิดอาการปวดหัว อีกทั้งยังกระตุ้นความอยากอาเจียน ของผู้ที่แพ้กลิ่นสารจำพวกนี้ได้เป็นอย่างดี
ส่วนคนที่แพ้กลิ่นดอกตีนเป็ดเนี่ย มักจะแพ้กลิ่นดอกราตรีด้วย เนื่องจากว่าเป็นสารประกอบกลุ่มเดียวกัน ที่มีโทนกลิ่นที่ชวนปวดหัวได้พอๆ กัน หากได้รับความเข้มข้นสูงเป็นระยะเวลาต่อเนื่องนานๆ นอกจากนั้นอาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการน้ำตาและน้ำมูกไหลออกมาด้วย
อย่างไรก็ตาม อาการนี้ก็ไม่ได้เป็นทุกคน บางคนก็สามารถรับกลิ่นดอกตีนเป็ด (แบบอ่อนบาง) ได้โดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ พร้อมกับบอกว่า "หอมหวานเย็นๆ" ด้วยซ้ำไป ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล
(ขอบคุณข้อมูลจาก ทวิตเตอร์ #ต้นตีนเป็ด, แฟนเพจเฟซบุ๊ก เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว)