
ควบรวม “วท.-สกอ.-สกว.-วช.” ส่ง สนช.ออกเป็นกฎหมายอีก 2 เดือนเสร็จ
ข่าวแนะนำ
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม เพื่อจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือชื่อย่อ “สะเต็ม (STEM) โดยสาระสำคัญคือการจัดตั้งกระทรวงใหม่เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปใน 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.การปฏิรูปการบริหารราชการ เพื่อให้มีการบูรณาการการทำงานในด้านวิจัยและการสร้างบุคลากรร่วมกัน 2.การปฏิรูปกฎระเบียบเพื่อช่วยให้งานวิจัยเกิดประโยชน์ต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน และ 3.ปฏิรูประบบงบประมาณ ให้มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ที่สำคัญและสามารถทำการวิจัยได้อย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงใหม่ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นการรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เข้าไว้ในกระทรวงเดียวกัน เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางด้านการวิจัยและเกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยมีคณะกรรมการระดับชาติ หรือซุปเปอร์บอร์ด ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ในการวิจัยและการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ถือเป็นรูปธรรมของการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ ภายใต้โครงสร้างและงบประมาณใหม่ ที่จะทำให้เกิดนวัตกรรมที่เกิดผลทางเศรษฐกิจสังคมได้จริง เช่น งานวิจัยเพื่อนวัตกรรม ขณะที่มหาวิทยาลัยพื้นที่จะดูแลทั้ง 76 จังหวัดซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นกระทรวงอนาคตที่จะขับเคลื่อนงานวิจัยแนวหน้า ที่ประเทศไทยมีศักยภาพ เช่น การแพทย์แม่นยำ เกษตรอัจฉริยะ สร้างโอกาสคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ เป็นต้น
รมว.วท.กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะถูกเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อดำเนินการออกเป็นกฎหมายต่อไป คาดว่าจะจัดตั้งกระทรวงใหม่ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ นอกจากนั้นแล้วจะมี พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกระทรวงใหม่นี้อีก 3-4 ฉบับ คือร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดม ศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษาและร่าง พ.ร.บ.การวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเพื่อให้มีการจัดการโครงสร้างภายในและการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ โดยนายกรัฐมนตรีมอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จัดตั้งคณะทำงานเพื่อร่างพิมพ์เขียวสำหรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานและการเปลี่ยนผ่านไปสู่เป้าหมาย
ด้าน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ครม.หารือกันมากว่าสิ่งสำคัญของการจัดตั้งกระทรวงใหม่ ไม่ใช่การนำหน่วยงานต่างๆมารวมกันเท่านั้นและเป็นกระทรวง แต่เป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกัน.