'ทีมข่าวเจาะประเด็น' ขอพาย้อนไปจุดเริ่มต้น ของคดีค้ากาม 'แก๊งนกฮูก' ที่เกิดขึ้นจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2560 นางน้ำเพชร เกยพุฒซา อายุ 43 ปี เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า ลูกสาวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศนายดาบ สภ.น้ำเพียงดิน บังคับให้ค้าประเวณี โดยมีผู้ใช้บริการหลากหลายวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการ โดยเคยร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.แม่ฮ่องสอน ตำรวจภูธรภาค 5 และศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) แต่เรื่องทั้งหมดกลับไม่คืบหน้า...
หลังจากการสืบคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ 8 คน ประกอบด้วย น.ส.ปิยะวรรณ สุขมาก หรือ เมย์, น.ส.ปิยทัศน์ ภาพเทียนสุวรรณ หรือ ฟ้า, ด.ต.ยุทธชัย ทองชาติ หรือ ดาบยุทธ อดีตตำรวจสังกัด สภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน, นายมงคล เกียรติภัคดิพงศ์ หรือ แป๊ะ, น.ส.ปัทมพร อิ่นแก้ว หรือ อึง, น.ส.กนกวรรณ รัตนภักดี หรือ ละม่อม, น.ส.ขวัญหทัย ฤกษ์อุดม หรือ ตั๊ก, และ น.ส.กัลยา วุฒิคุณ หรือ จอย
ทั้งนี้ อัยการได้ยื่นฟ้องทั้งหมด เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ เพื่อการค้าประเวณี และให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน ขณะที่ พล.ต.ต.ปรีชา วิมลไชยจิต ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง 'ดาบยุทธ' ผบ.หมู่ สภ.น้ำเพียงดิน พร้อมมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.เป็นต้นมา

...
ขณะที่ 'ดาบยุทธ' ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่ยอมรับว่ารู้จักกับ น.ส.ปิยทัศน์ จริง ส่วน น.ส.ปิยทัศน์ เผยว่าในอดีตเคยส่งเด็กให้ผู้ชายเที่ยวกลางคืน แต่หลังจากถูกดำเนินคดีเมื่อปี 2559 ได้กลับมาขายของอยู่บ้าน โดยไม่รู้จักตำรวจที่ซื้อบริการ และไม่เคยชวนเด็กไปค้าประเวณี รวมทั้งไม่เคยรู้จักเด็กที่มี รอยสักรูปนกฮูก บริเวณหน้าอกด้วย
หลังจากนั้น จากการขยายผลลูกค้าที่ซื้อบริการ ได้ข้อมูลสำคัญจาก น.ส.ส้ม (นามสมมติ) ที่ให้การว่า ถูกกลุ่มของ ส.ต.อ.นิรันดร์ สายจันทร์, ส.ต.ต.พิทักษ์ สมกุล, ส.ต.ท.เพชร เตชะโอฬาร สังกัด สภ.กองก๋อย ร่วมกันรุมโทรมในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จากนั้นศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน ข้อหาพรากผู้เยาว์ เพื่อทำอนาจารในลักษณะโทรมหญิง โดยมีคำสั่งให้ออกจากราชการ เนื่องจากถือว่ามีความผิดร้ายแรง

กระทั่ง ศาลอาญา พิพากษาจำคุก น.ส.ปิยะวรรณ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 167 ปี น.ส.ปิยทัศน์ จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 176 ปี ด.ต.ยุทธชัย จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 320 ปี แต่กฎหมายอาญา มาตรา 91 คงรับโทษจริงคนละ 50 ปี และให้จำคุก นายมงคล จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 19 ปี น.ส.ปัทมพร จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 12 ปี น.ส.กนกวรรณ จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 8 ปี น.ส.ขวัญหทัย จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32 ปี และ น.ส.กัลยา จำเลยที่ 8 เป็นเวลา 36 ปี
ล่าสุดวันที่ 18 ต.ค. 2561 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้เบิกตัว น.ส.ปิยะวรรณ, น.ส.ปิยทัศน์, น.ส.กัลยา จากทัณฑสถานหญิงกลาง และ ด.ต.ยุทธชัย จำเลยในคดี ร่วมกันค้ามนุษย์เป็นธุระจัดหาพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นข้าราชการร่วมกันเป็นธุระจัดหาพาไป เพื่อให้ค้าประเวณีสนองความใคร่ของผู้อื่น เพื่ออนาจารฯ ร่วมพรากเด็กฯ ร่วมกันพรากผู้เยาว์ฯ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาเพื่อฟังคำพิพากษา

ทั้งนี้ มีคำสั่งพิพากษาจำคุก น.ส.ปิยะวรรณ และ น.ส.ปิยทัศน์ จำเลยที่ 1-2 เป็นเวลา 183 ปี ส่วน ด.ต.ยุทธชัย จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจลงโทษเป็น 2 เท่า จำคุก 309 ปี โดยทั้ง 3 คนให้นับโทษไปพร้อมกับคดีเดิม แต่โทษจำคุกสูงสุดได้ไม่เกิน 50 ปีตามกฎหมาย พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมให้ผู้เสียหายจำนวน 850,000 บาท ส่วน น.ส.กัลยา จำเลยที่ 4 กระทำการเพียงคนเดียว จำคุก 65 ปี โดยให้นับโทษต่อจากคดีเดิม แต่ไม่เกิน 50 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้เสียหาย 5 แสนบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง.