การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ จึงต้องแสวงหาสิ่งเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ลดบรรเทาการเกิดโรคที่เป็นอยู่ หวังให้หายขาด ส่วนหนึ่งได้หันมาพึ่งสมุนไพร จากการบอกปากต่อปากถึงสรรพคุณ หรือได้ยินมา จนเกิดกระแสนิยมนำมาปลูกมากินโดยขาดความรู้ความเข้าใจที่แท้จริง ท้ายสุดเป็นอันตรายต่อร่างกาย

อย่างกรณีหนานเฉาเหว่ย หรือป่าช้าเหงา สมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคได้สารพัดครอบจักรวาล อาทิ ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด รักษาโรคเบาหวาน แก้อาการโรคเกาต์ และลดความดันโลหิตสูง โดยขณะนี้หลายบ้านโดยเฉพาะกลุ่มคนสูงวัยนำมาปลูก เพื่อนำมากิน อาจมีวิธีการกินแบบผิดๆ กินต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุดทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ออกมาเตือนเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต จากอาการน้ำตาลตก

ยังไม่รวมสมุนไพรยอดฮิตในอดีต ซึ่งที่ผ่านมามีการหาซื้อนำมาปลูกในบ้าน อาทิ ว่านง็อก หรือพญาวานร แปะตําปึง ว่านชักมดลูก หรือแม้แต่หมามุ่ย พืชตระกูลถั่ว ซึ่งมีการหาซื้อมากิน เพราะเชื่อว่าเมล็ดหมามุ่ย มีสารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย

ด้านประเดิม ส่างเสน หมอพื้นบ้านไทยใหญ่ จาก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งศึกษาเรื่องสมุนไพร มานานกว่า 35 ปี บอกกับทีมเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ว่า คนไทยใหญ่กินหนานเฉาเหว่ย ไม่เคยมีปัญหา เนื่องจากมีวิธีในการกิน โดยมีการเรียกหนานเฉาเหว่ย ว่า “ยาแก้นางหนุ่ม” ซึ่งหญิงสาวที่มีลูกจะนำมาต้ม นำมาอาบน้ำ เพื่อเป็นการอยู่ไฟ นอกจากนี้หนานเฉาเหว่ย ยังแก้หัด ลมพิษ อาหารไม่ย่อย จากการกินอาหารแสลง ลดความดัน ลดน้ำตาลในเลือด แต่สิ่งสำคัญต้องกินอย่างถูกต้อง เนื่องจากหนานเฉาเหว่ย มีคุณสมบัติเย็นจัด รสขมมาก หากนำเฉพาะใบไปกิน ไม่กินควบคุมกับสมุนไพรอื่น ไม่สามารถลดความร้อนในร่างกายได้หมด ซึ่งจะเกิดการสปาร์คกับระบบเลือดในร่างกายได้

...

“ที่ผ่านมาพยายามบอกตลอด เรื่องการกินหนานเฉาเหว่ย แต่มีการถ่ายทอดแบบผิดๆ ไม่ครบถ้วน เพราะจริงๆ แล้ว หนานเฉาเหว่ย มีประโยชน์มาก อย่างกรณีเป็นไข้ ให้นำหนานเฉาเหว่ยประมาณ 15 กรัม ไปต้มกับน้ำ 500 ซีซี ผสมใบบัวบก และกานพลู ใส่สัก 1 ใบ โดยต้มพร้อมกันพอให้เดือดประมาณ 2-3 นาที นำมาดื่ม เพื่อกระจายลม หากไข้ไม่ลดให้ใส่ลูกจัน และดีปลีลงไป แต่อย่ากินต่อเนื่องเกิน 10 วัน หรือหากกินใบอย่างเดียว ให้กิน 2 วัน ครั้งละ 1 ใบ เลือกเฉพาะใบกลางแก่กลางอ่อน เพราะถ้าแก่จัด จะทำให้เลือดหนืด และการนำไปต้มสามารถต้มได้กับใบเปล้าหลวง หรือหญ้าถอดปล้อง รวมถึงต้มกับเหง้าสับปะรด ดอกแค หรือเท้ายายม่อมก็ได้ จะทำให้ความดันลดลง โดยการต้มต้องต้มน้ำแรกเททิ้งก่อน”

หนานเฉาเหว่ย หรือ ป่าช้าเหงา
หนานเฉาเหว่ย หรือ ป่าช้าเหงา

ส่วนที่เรียกหนานเฉาเหว่ย ว่า “ป่าช้าเหงา” หรือคนเหนือเรียกว่า “ป่าเฮ่วหมอง” เป็นเพียงการตั้งฉายา เช่นเดียวกับอังกาบหนู หรือต้นขี้ตุ่น เพราะเชื่อว่ากินแล้วไม่ตาย ทำให้ป่าช้าเหงา พร้อมย้ำว่าอยากให้คนที่เกี่ยวข้องอธิบายการกินสมุนไพรให้ถูกต้อง อยากให้เข้าใจลึกๆอย่างถ่องแท้ กรณีเป็นความดัน จะแก้ไขอย่างไร ต้องมีหลักการตามแบบแพทย์พื้นบ้าน ซึ่งการเกิดความดันเกิดจากตับไม่ดี ม้ามและน้ำดีร้อน จนนำไปสู่ความดัน

“แรกเริ่มจะเป็นกรดไหลย้อนก่อน พอกินยาแผนปัจจุบัน ซึ่งเป็นยาร้อน ทำให้เป็นไข้ ไม่ถ่าย กระทั่งลงที่ตับ เกิดความร้อน น้ำดีเดือด ม้ามร้อน จนเกิดความดันในเลือด เหมือนคนดื่มเหล้าผสมโซดา ความร้อนในร่างกายไม่ระบายออก กรณีดื่มแอลกอฮอล์ ให้นำหนานเฉาเหว่ย ใบกาสะลอง และดอกจัน อย่างละ 1 ใบ มาต้มกับน้ำ 500 ซีซี รวมกัน ถ้าถ่ายไม่ออกก็ให้นำมะขามเปียก มาใส่เพิ่มก็ได้ จริงๆ แล้วคนเป็นความดัน หากใส่ใบกระท่อม หรือกัญชา ลงไปจะดีมาก เพราะคนเป็นจะนอนไม่หลับ เมื่อกินเข้าไปเหมือนเปิดประตูไปสู่ตับ เพราะร่างกายเป็นธรรมชาติ”

หมามุ่ย
หมามุ่ย

ขณะที่หมามุ่ย ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีคนนิยมนำมากินเป็นยาอายุวัฒนะ ซึ่งต้องนำราก เม็ด และเถา นำมาบดรวมกันผสมกับน้ำผึ้ง ไม่ใช่นำเม็ดมาใช้อย่างเดียว ซึ่งผิด ส่วนว่านง็อก หรือพญาวานร มีคุณสมบัติเย็น แก้มะเร็ง ลดความดัน รักษาตับ ต้องกินผสมกับใบกะเพรา ซึ่งที่ผ่านมาคนกินเฉพาะใบ จนทำให้เกิดการดื้อยา ดังนั้นควรล้างพิษจากการกินสมุนไพร โดยทำอย่างไรให้ท้องเสียวันละ 5 รอบ เป็นเวลา 2-3 วัน และกินนำ้ในปริมาณมากๆ เพื่อให้ปัสสาวะ ก่อนมาเริ่มกินสมุนไพรใหม่อีกครั้ง และพยายามอย่ากินสมุนไพรแบบเดี่ยว โดยไม่ผสมสมุนไพรตัวอื่น เนื่องจากฤทธิ์แรงเกินไป

แปะตําปึง
แปะตําปึง

นอกจากนี้ยังมีแปะตําปึง ซึ่งมีสรรพคุณเหมือนว่านง็อก แต่สามารถนำใบไปกินร่วมกับเม็ดพริกไทย เพื่อล้างพิษในร่างกายได้ เนื่องจากแปะตําปึง สามารถล้างพิษร้อน ทำให้ตับเย็น หรือกินวันละใบ แต่ไม่ควรเกิน 1 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายเย็น ยกตัวอย่างคนดื่มเบียร์ หากดื่มคู่กับยาดอง 1 เป๊ก จะสามารถล้างความเย็นในร่างกายได้ หรือนำต้นปีบ ไปต้มกับว่านง็อก ก็สามารถดูดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้ เช่นเดียวกับว่านชักมดลูก มีรสฝาดเฝื่อนๆ ซึ่งห้ามกินเดี่ยวเด็ดขาด ให้นำไปต้มกับใบเล็บมือนาง ดอกคำฝอย หรือดอกพิกุล เป็นต้น

ว่านง็อก หรือพญาวานร
ว่านง็อก หรือพญาวานร

สรุปสมุนไพรทุกอย่างมีประโยชน์ หากกินให้เป็น โดยสมุนไพรส่วนใหญ่ ห้ามนำมากินเดี่ยวอย่างเด็ดขาด เพราะด้วยฤทธิ์ที่แรง อาจเป็นอันตรายกับร่างกายได้ โดยสรุปหากภายในบ้านมีสมุนไพรหลายตัวๆ สามารถนำมาต้มรวมกันได้ ซึ่งต้องยึดหลักหยิน-หยาง หรือร้อนกับเย็นเพื่อความสมดุล นำมาต้มผสมด้วยกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่โทษ.