ผักชนิดนี้ พบขึ้นทั่วไปในภูมิภาคอินโดจีนอินโดนีเซีย พม่า และประเทศติมอร์ฯ ในประเทศไทยพบทุกภาค โดยจะขึ้นเองตามธรรมชาติในที่ โล่งแจ้ง แห้งแล้ง และที่ชื้นแฉะมากมาย ซึ่งนอกจากชื่อ “ผักกระฉูด” แล้วยังมีชื่อเรียกอีกคือ ผักกระเฉดโคก และ ผักกระเฉดบก มีชื่อวิทยาศาสตร์เฉพาะว่า NEP TUNIA JAVANICA MIQ. เป็นไม้อยู่ในวงศ์ LEGUMINOSAE มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ใกล้เคียงกับผักกระเฉดเกือบทุกอย่าง จะมีข้อแตกต่างกันที่ผักกระเฉด
มีทุ่นสีขาวหุ้มลำต้นเรียกว่า “นม” แต่ลำต้นของ “ผักกระฉูด” ไม่มี และเวลาจะนำไปปรุงอาหารไม่ต้องลอกออกให้เสียเวลาด้วย

ผักกระฉูด เป็นไม้ทอดเลื้อยสามารถสูงหรือยาวได้กว่า 1 เมตร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกมีใบย่อย 7-30 คู่ เป็นรูปขอบขนาน ปลายใบมน โคนใบตัด สีเขียวสด ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ลักษณะดอกเป็นแบบสมบูรณ์เพศ ดอกอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อดอกแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองปนส้มเล็กน้อย “ผล” เป็นผักแบน ภายในมีหลายเมล็ด ดอกออกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและปักชำต้น

ประโยชน์ทางอาหาร ยอดอ่อนกินเป็นผักสด หรือนำไปปรุงเป็นอาหารได้เหมือนผักกระเฉดทุกอย่าง เช่น กินสดหรือต้มลวกจิ้มน้ำพริกชนิดต่างๆ แกงส้มกุ้ง แกงส้มปลาทะเลหรือปลาน้ำจืด แต่ไม่นิยมรับประทานกัน เนื่องจากจะต้องเด็ดเอายอดอ่อนยาวประมาณ 1 นิ้วฟุตเท่านั้นจึงจะกินอร่อย บางคนบอกว่ายอดอ่อนเหนียวมาก เลยทำให้ไม่เป็นที่นิยม รับประทานดังกล่าว ที่สำคัญคือ “ผักกระฉูด” ไม่มีสรรพคุณทางสมุนไพรอีกด้วย

ปัจจุบัน ชาวสวนทั่วไปเมื่อเห็นต้น “ผักกระฉูด” ขึ้นทอดเลื้อยในที่ที่ปลูกพืชชนิดอื่นอยู่จะต้องรีบกำจัดทันที หากปล่อยให้ต้นเลื้อยคลุมต้นไม้อื่นจะทำให้ต้นตายหมด แต่อย่างไรก็ตาม “ผักกระฉูด” ถือเป็นพืชที่กำจัดได้ยากมาก จะมีปลูกให้ขึ้นในพื้นที่เฉพาะเพื่อเก็บยอดวางขายตามตลาดไม่กี่แห่งเท่านั้น เชื่อว่าไม่นาน “ผักกระฉูด” จะ สูญพันธุ์ไปอย่างแน่นอนครับ.

...

“นายเกษตร”