ชี้ “จ่ายยา-แบ่งประเภท” ใช้กฎเดิม นำผลสรุปเสนอ รมว.สาธารณสุข
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัด สธ. กล่าวภายหลังร่วมประชุมหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ แทน พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ซึ่งมีนายกสภาเภสัชกรรม คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จาก ม.มหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เชียงใหม่ ม.สงขลานครินทร์ ม.ขอนแก่น ม.ศิลปากร ชมรมเภสัชสาธารณสุข นายกสภาเภสัชกรรม ฯลฯ ร่วมหารือ ว่า ผลการหารือถือว่าเป็นไปด้วยดี ประเด็นที่อาจยังเข้าใจไม่ตรงกันมี 2 เรื่อง คือ 1.มาตรา 22 (5) ที่กังวลในเรื่องการจ่ายยาของวิชาชีพอื่นๆเมื่อยังมีประเด็นห่วงใยก็ให้คงตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 ส่วนประเด็นอื่นๆที่ห่วงใย คือการแบ่งประเภทยา 3 กลุ่มนั้นตนจะนำเสนอต่อคณะกรรมการร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าประเด็นเห็นต่างเรื่องวิชาชีพอื่นจ่ายยาจะให้ใช้กฎหมายเดิม แต่ร่างกฎหมายใหม่ยังคงเดินหน้าหรือไม่ นพ.เจษฎา กล่าวว่า ใช่ เนื่องจากมาตราอื่นๆไม่ได้มีประเด็นเห็นต่างมาก แต่ ม.22 (5) ยังมีข้อห่วงใย ก็ให้กลับไปใช้ในกฎหมายเดิมไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆก็เดินหน้า หมายถึงว่าร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่ยังคงเดินหน้าตามกระบวนการต่อไป เพราะขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ ครม.แล้ว เพียงแต่จะนำข้อคิดเห็นเพิ่มเติมเข้าไป
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สำหรับเรื่องการแบ่งยา 3 กลุ่มประกอบด้วย 1.ยาควบคุมพิเศษ 2.ยาอันตราย และ 3.ยาสามัญประจำบ้าน โดยต้องมีใบสั่งยา แต่จะมีร้านขายยากลุ่มที่เรียกว่า ขย.2 ซึ่งเป็นร้านบรรจุเสร็จ ตรงนี้ต้องไปเขียนเพิ่มเติมให้ชัดว่าเป็นยาประเภทใด และไม่ต้องมีใบสั่งยา โดยเขียนเพิ่มเติมในบทเฉพาะกาล ทั้งนี้ จะมีการนำข้อหารือทั้งหมดเสนอต่อ รมว. สธ.ในการประชุมผู้บริหารสธ.ในวันที่ 5 ก.ย.นี้ เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
...
ภก.จิระ วิภาสวงศ์ ประธานชมรมเภสัชสาธารณสุขแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การหารือในครั้งนี้เราพอใจในระดับหนึ่ง แต่ก็เหมือนว่าร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับนี้ก็เหมือนเดิมที่มีอยู่ซึ่งเสียดาย เพราะกำลังยกร่างกฎหมายใหม่ อยากเห็นสิ่งใหม่ที่ก้าวหน้าจากกฎหมายเดิมรวมทั้งระบบยาที่ทัดเทียมสากล อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่ยังคงเดินหน้าต่อไป แต่ประเด็นใดที่เห็นตรงก็นำไปใช้ แต่ประเด็นไหนมีข้อขัดแย้งก็ใช้กฎหมายเก่า.