'หมอมนูญ' ชี้ คนที่โดนเข็มต่อจากผู้ป่วย 'โรคเอดส์' หากกินยาป้องกันทันที มีโอกาสรอดถึง 90% พร้อมแนะคนที่ชอบสักลาย สิ่งสำคัญคือการรักษาแผลให้สะอาด...

วันที่ 3 ก.ย.61 นายมนูญ ลีเชวงวงศ์ อดีตนายกสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลกับ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่าการสักเปรียบเสมือนการนำเข็มไปปัก หากเข็มสะอาดจะไม่มีโอกาสติดเชื้อ แต่ถ้าหากเข็มไปสักคนที่ป่วยเป็นโรคเอดส์มาก่อน แล้วใช้เข็มที่ปนเปื้อนเชื้อมาสักคนอื่นต่อ ก็จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอดส์เช่นกัน

สำหรับ ผู้ที่โดนเข็มต่อจากผู้ป่วยโรคเอดส์ จริงๆ มีโอกาสติดไม่ถึง 3% ด้วยซ้ำ จากการศึกษาเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่ถูกเข็มตำจากผู้ป่วยโรคเอดส์ พบว่าไม่ถึง 3% ที่ติดโรคนี้ เพราะไม่ใช่ว่าเมื่อโดนเข็มตำปุ๊บจะติดโรคทันที จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น จากนั้นให้เจ้าหน้าที่ ที่โดนเข็มจากผู้ป่วยโรคเอดส์ กินยาป้องกันทันทีเป็นเวลา 4 อาทิตย์ จะทำให้ให้โอกาสที่จะติดเชื้อลดลงไปถึง 90% ซึ่งวิธีนี้ เป็นวิธีป้องกันที่ทำในโรงพยาบาล

ขณะที่ การตรวจหาเชื้อ HIV ต้องใช้เวลาประมาณ 6-7 อาทิตย์ กว่าจะทราบผล โดยโรคนี้จะใช้ระยะในการฟักตัวหลังจากวันที่ติดประมาณ 1 เดือน กว่าจะแสดงอาการป่วยออกมา ซึ่งบางคนจะมีอาการต่างกันไป ส่วนคนที่ไม่มีอาการเชื้อก็จะฝังตัวเรื่อยๆ จนภูมิต้านทานตก ทำให้ติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นเข้ามา อาทิ วัณโรค, เชื้อรา หรือโรคมะเร็ง ซึ่งเชื้อพวกนี้จะใช้เวลา 4-5 ปี กว่าจะถึงขั้นสุดท้าย

...

อย่างไรก็ตาม แนะนำคนที่รักการสักว่า ควรไปหาคนที่มีความเชี่ยวชาญ แล้วมีอุปกรณ์ที่สะอาดใช้แล้วทิ้ง ขณะหลังจากสักเสร็จก็ต้องดูแลแผลที่สักมาให้ดี อย่าให้โดนน้ำหรือหัวก๊อกน้ำ เนื่องจากมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่มาก หากเชื้อเข้าไปในแผลที่สักจะทำให้เป็นตุ่มหนองจากแบคทีเรีย จะยิ่งทำให้การรักษานั้นยากขึ้น ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือเรื่องการดูแลความสะอาด.