ตำรวจยันเป็นเรื่องทางแพ่ง เอาผิดอาญาไม่ได้ หนุ่มเจอหนี้ก้อนโต หลังรุ่นน้องซื้อรถต่อ โดยนำเข้าไฟแนนซ์ เหตุยืมไปใช้แล้วงัดขายเป็นซาก ...

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'พีระชัย ทองวัฒนา' โพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือจากเพจดัง หลังถูกนายสิทธิพันธุ์ ศรีบำรุง หรือ บอย รุ่นน้องที่ชอบรถแต่งเหมือนกัน โทรยืมรถ โดยบอกว่าพ่อป่วยหนัก หลังให้ยืมแล้วก็ติดต่อไม่ได้ ก่อนที่จะพบว่ารถถูกถอดชิ้นส่วนขาย กลายเป็นซาก นอกจากนี้ยังมีรุ่นน้องอีก 2 คน ซึ่งโดนหลอก คนแรกโดนแบบเดียวกัน และอีกคนโดนยืมเงินจำนวน 1 แสนบาท ซึ่งตอนนี้ นายบอย ได้หนีไป พร้อมทิ้งภาระไว้ให้ทั้ง 3 คน ซึ่งรถก็ยังผ่อนไม่หมด ต้องมาผ่อนซากรถอีก (อ่านโพสต์ต้นฉบับ ที่นี่)

ล่าสุดเวลา 13.30 น. วันที่ 23 ส.ค.2561 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังอู่ของ นายบอย ชื่อ พาวเวอร์เรซ การาจ ชัยนาท บริเวณ อ.เมืองชัยนาท พร้อมกับนายพีระชัย ทองวัฒนา เจ้าของรถ พบซากรถฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู สภาพไม่เหลือเค้าโครงเดิมจากตอนที่ยืมไป ถูกจอดทิ้งไว้หน้าร้าน ซึ่งตัวนายบอยได้ขนของออกไปหมดแล้ว เพราะถูกไล่ออกจากตึก เนื่องจากไม่จ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ทิ้งซากรถไว้ให้รุ่นพี่ดูต่างหน้า พร้อมกับหนี้ก้อนโต เนื่องจากเอารถคันดังกล่าวไปเข้าไฟแนนซ์

นายพีระชัย เปิดเผยว่า ตนกับผู้ก่อเหตุเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่ได้สนิท แต่เล่นรถเหมือนกัน และอยู่จังหวัดเดียวกัน โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเดือน พ.ย.ปีก่อน น้องโทรมาร้องไห้ว่าพ่อโดนประตูทับ จะพาพ่อไปหาหมอ ด้วยความสงสารจึงให้รถไป แต่จากนั้นเพียง 3 วัน นายบอยโทรมาบอกว่า จะช่วยแต่งรถให้ ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะนายบอยทำร้านแต่งรถอยู่ แต่หลังจากนั้น 2 วันก็พบว่านายบอยถอดอะไหล่ตนขายในเฟซบุ๊ก เมื่อเห็นจึงได้โทรไปต่อว่า และตกลงกันที่จะขายรถให้ที่ 9 หมื่น แต่รถเกิน 10 ปี ไม่สามารถทำสัญญาขายเปลี่ยนมือได้ จึงทำเรื่องเอาเข้าไฟแนนซ์ โดยที่ชื่อยังเป็นชื่อตนกู้

...

ซึ่งวันกู้ นายบอยไปด้วยกันและให้ตนเขียนสลักหลังว่า เมื่อผ่อนหมดจะโอนให้ หลังจากนายบอยผ่อนไปได้ 6 งวด จาก 30 งวด ก็ได้หายไป และไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ตนต้องกลายเป็นหนี้ และรถก็เอาคืนไม่ได้เพราะกลายเป็นซากไปแล้ว นอกจากนี้ ยังพบว่ารุ่นน้องอีกคนก็โดนเหมือนตนด้วยเช่นกัน

ขณะนี้ได้พยามยามติดตามหาตัวนายบอย โดยสังเกตจากเฟซบุ๊กไม่มีความเคลื่อนไหวเลย ทั้งนี้ตนแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพราะคิดว่ารถยนต์เป็นทรัพย์สิน ซึ่งก่อนหน้าที่จะไปแจ้งความได้ไปปรึกษาทนายแล้ว และได้ทำตามขั้นตอนที่ทนายบอกทุกอย่าง เริ่มจากส่งจดหมายทวงถามแบบตอบรับไปที่บ้านนายบอย นำสำเนามาประกอบการแจ้งความ พร้อมรูปรถ ถ้ารูปคดีออกมาเป็นแพ่ง ตนก็จะหมดหนทางแล้ว ไม่รู้จะไปต่ออย่างไร ถ้าเป็นคดีอาญา จะได้มีการออกหมายจับ หรือนำตัวมาพูดคุยกัน

แต่จากการพูดคุยกับทนายล่าสุด เขาบอกว่าแบบนี้น่าจะเป็นคดีอาญาได้ เพราะรถเป็นทรัพย์สิน นายบอยได้มีการยืมไป และได้มีการทวงถามตามกระบวนการกฎหมายแล้ว ซากรถได้จอดไว้ที่อู่ ซึ่งเช่าตึกไว้ แต่นายบอยหลบหนีไปแล้ว พร้อมค้างค่าเช่าอีกด้วย

สำหรับรถของ นายกันต์ ผู้เสียหายอีกราย ซึ่งอยู่จังหวัดชลบุรี รถสภาพใหม่กว่า มูลค่ากว่า 5 แสนบาท ที่ถูกถอดอะไหล่เหลือแต่ซากเช่นเดียวกัน เดิมซากเคยจอดคู่กับซากรถตนเอง ซึ่งเขากลัวซากรถจะหายไปด้วย จึงได้จ้างรถสไลด์มาขนรถกลับจังหวัดชลบุรีแล้ว

ด้าน ร.ต.อ.เนตร เถื่อนผึ้ง พนักงานสอบสวน สภ.วัดสิงห์ เจ้าของคดี เผยว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 นายพีระชัย มาแจ้งความร้องทุกข์ว่า นายบอย ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องมายืมรถไปโดยอ้างว่าพ่อไม่สบายจะพาพ่อไปหาหมอ แล้วจะนำมาส่งคืนให้ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2560 ได้โทรศัพท์ไปทวงถามและทราบว่านายบอยได้ถอดอะไหล่รถแล้ว นายพีระชัย ได้มีการตกลงขายรถให้นายสิทธิพันธ์ หรือบอยไปแล้ว ในราคา 90,000 บาท โดยนำเล่มทะเบียนรถไปเข้าบริษัทไฟแนนซ์บริเวณสะพานใหม่ชัยนาท โดยตกลงให้นายบอยเป็นคนส่งเป็นรายเดือน เดือนละ 5,070 บาท 36 งวด ส่งงวดแรก 8 ธันวาคม 2560 อีกทั้งนายพีระชัยได้รับเงิน 90,000 จากไฟแนนซ์ไปใช้แล้ว ซึ่งตรงนี้ได้มีการทำสัญญาผูกพันขึ้นมาเอง

ทั้งนี้ นายบอยได้ส่งเงินค่างวดไป 3 เดือน ตั้งแต่ธันวาคม 2560–เดือนพฤษภาคม 2561 ถือว่าการซื้อขายรถระหว่างนายพีระชัยและนายบอยสมบูรณ์แล้ว ไม่เข้าคดียักยอก ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 นายบอยขาดส่งไป 1 งวด บริษัทไฟแนนซ์จึงมาตามทวงกับนายพีระชัย จึงทำให้นายพีระชัยต้องทำหนังสือทวงถามไปยังนายบอย แต่ไม่สามารถติดตามได้ จากนั้นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายบอยตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2561

ทั้งนี้ หากนายพีระชัยจะแจ้งความดำเนินคดียักยอกทรัพย์ต่อนายบอย ต้องแจ้งความตั้งแต่วันที่รู้ว่ารถถูกถอดอะไหล่ คือวันที่ 2 ธันวาคม 2560 ซึ่งตามกฎหมายอายุความมีเวลา 6 เดือน ซึ่งการมาแจ้งความเดือนกรกฎาคม 2561 นั้นขาดอายุความแล้ว ไม่เข้าความผิดฐานยักยอกทรัพย์

ทั้งนี้ ความเห็นของผู้บังคับบัญชาระบุว่า คดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้เสียหายได้รับเงินจากบริษัทไฟแนนซ์มาแล้ว และได้ส่งมอบรถคันดังกล่าวให้นายบอย พร้อมตกลงให้นายบอยเป็นคนส่งค่างวดรถให้กับทางบริษัทเอง ถึงแม้ไม่มีหนังสือสัญญาซื้อขายก็ตาม คดีดังกล่าวจึงเป็นเรื่องทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดทางอาญา จึงเห็นควรให้ผู้เสียหายไปใช้สิทธิฟ้องคดีทางแพ่งตามกฎหมายต่อไป และแจ้งให้ผู้เสียหายทราบ โดยนายพีระชัยได้มาเซ็นรับทราบข้อความดังกล่าวแล้ว.