
เสี่ยอ้วน บงการฆ่าน้องสปาย-ฟอส รวยอู้ฟู่จากเด็กนวด เป็นเจ้าของบาร์
'เสี่ยอ้วน' ประวัติไม่ธรรมดา จากเด็กนวดในห้องน้ำสถานบันเทิง กลายเป็นเศรษฐีเจ้าของสถานบันเทิงย่านภูเก็ต ก่อนสั่งฆ่าโหด 2 หนุ่มสาวที่ลานจอดรถหน้าพระพุทธรูปเขาชีจรรย์...
จากกรณีคนร้ายยิง นายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือฟอส และ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือสปาย เสียชีวิตบริเวณลานจอดรถ ฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ต่อมามีการออกหมายจับ 'เสี่ยอ้วน ภูเก็ต' เจ้าของสถานบันเทิงในภูเก็ตกับลูกสมุนรวม 3 คน ร่วมกันฆ่าโหด แค้นที่เหยื่อสาวไม่ยอมรับเป็นแฟน
ข่าวแนะนำ
ส่วนประวัติที่ไม่ธรรมดาของนายปัญญา ยิ่งดัง หรือ 'เสี่ยอ้วน' อายุ 39 ปี พบว่าดั้งเดิมเป็นคน จ.สุรินทร์ เคยทำงานกลางคืนอยู่ในย่านพัทยา จ.ชลบุรี จากนั้นในปี 2541 ได้ย้ายไปทำงานเป็นเด็กนวดในห้องน้ำสถานบันเทิงย่านหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต รายได้ดีได้เดือนละประมาณ 30,000 บาท
แต่ด้วยเสี่ยอ้วนเป็นคนประหยัด จนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ได้เข้าประมูลรับนวดแขกนักเที่ยวตามสถานบันเทิงหลายแห่งในป่าตอง จนมีลูกน้องจำนวนมาก เขาไม่หยุดเท่านั้นเมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อตึก อาคารพาณิชย์ ในพื้นที่ป่าตองเพื่อเก็งกำไร ภายหลังขายได้เงินจนมีฐานะร่ำรวย เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือจากคนนวดในห้องน้ำ ผันตัวเองเป็นเจ้าของสถานบันเทิงในป่าตอง
จากนั้นได้ขายธุรกิจสถานบันเทิงให้กับนักลงทุนต่างชาติ เสี่ยอ้วนจึงหันมาทำธุรกิจบาร์เบียร์ในซอยบางลา ต.ป่าตอง มีฐานะร่ำรวยมากขึ้น มีเงินซื้อบ้านในหมู่บ้านเบญจมาศ ซอยแสนสบาย ต.ป่าตอง อ.กะทู้ พร้อมเปิดสถานบันเทิง "Pum Pui" ในซอยอีซี่ หรือซอยปุ้มปุ้ย อย่างใหญ่โตอลังการ มีเด็กสาวเต้นโชว์
แม้จะมีเงินทองมากมาย แต่ในชีวิตเสี่ยอ้วนเป็นคนอาภัพความรัก ดังนั้นหากรักผู้หญิงสักคนจะทุ่มเทเงินทองให้หมดเพื่อซื้อใจผู้หญิง แต่มักจะถูกตัดสัมพันธ์ เพราะเสี่ยอ้วนเป็นคนเสพติดความรุนแรง มักจะทำร้ายแฟนสาวอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผู้หญิงทนไม่ไหวต้องตีตัวออกห่าง รวมถึง น้องสปาย ที่ทนความรุนแรงของเสี่ยอ้วนไม่ไหวเช่นกัน
นอกจากนี้ เสี่ยอ้วนเป็นคนชอบอาวุธปืนเป็นอย่างมาก เคยมีประวัติก่อเหตุยิง นายอำพัน สุขสวัสดิ์ อายุ 47 ปี คนขายไอศกรีม จนเสียชีวิต บริเวณหอพักพนักงานบาร์ปุ้มปุ้ย ซอยสุขเจริญ ถนนพระเมตตา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 18 พ.ย.60 โดยอ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันตัวและเดินทางเข้ามอบตัวสู้คดี สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง จนกระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าวอีกครั้ง และมีข่าวว่าเสี่ยอ้วน ได้หนีเข้าประเทศกัมพูชาทางจ.สระแก้วไปแล้ว.