อยากตายแต่ไม่ได้ตาย! สาวคิดสั้นกระดกน้ำยาล้างห้องน้ำ จนอวัยวะด้านในพัง ต้องให้อาหารผ่านหน้าท้อง เล่าประสบการณ์ 7 ปี ทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น...
เฟซบุ๊ก Fai Phattanun Jirarungkeat ได้โพสต์เล่าประสบการณ์คิดสั้นฆ่าตัวตายเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยเล่าว่า ตอนนั้นอายุ 19 ปี ได้กินน้ำยาล้างห้องน้ำจนเกือบหมดขวด รู้สึกว่าข้างในร้อนเหมือนไฟไหม้ ต้องนำตัวส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อส่องกล้องดูว่าภายในว่าไหม้เพียงใด หลังจากนอนที่โรงพยาบาล 5 วัน ก็ถูกส่งตัวไปรักษาอีกโรงพยาบาลเนื่องจากโรงพยาบาลแรกไม่เคยเจอเคสหนักขนาดนี้
ขณะนั้นตนผอมมากเพราะกินอะไรไม่ได้เลย หมอจึงให้เจาะหน้าท้องเพราะให้อาหารทางสายยาง ขณะนั้นไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะไม่มีเสียงออกมา ทำได้เพียงแค่อาเจียน ซึ่งจะมีกลิ่นเน่าออกมาด้วย คิดว่าน้ำยาล้างห้องน้ำอยู่ในร่างกายทั้งหมด ไม่ตายแต่ทรมานมาก เป็นแบบนั้นอยู่ 3 เดือน หมอจึงผ่าตัดนำลำไส้ขึ้นมาแทนหลอดอาหารที่พังไปเพื่อทำให้กินอาการได้ปกติ แต่สุดท้ายก็ผ่าตัดไม่สำเร็จเพราะมีความเสี่ยงสูงมากว่าจะเกิดการรั่วและเน่าใน
หลังจากนั้นก็ได้พักรักษาตัวจนสามารถกลับบ้านได้ แต่เวลาไปไหนมาไหนต้องพกอาหารไปด้วย หรือเวลาไปข้างนอกต้องมีเครื่องปั่น เพราะต้องกินอาหารผลแบบชง เวลาที่อยากกินอะไรจะทำได้แค่เคี้ยวแล้วคายทิ้งใส่ถุงดำ ไม่สามารถกลืนลงไปได้ ซึ่งตนพยายามใช้ชีวิตปกติ แต่ไม่กล้าเปิดใจคบเพื่อนใหม่เพราะกลัวเขาจะรังเกียจที่เวลาตนกินอะไรแล้วต้องคาย ซึ่งใช้ชีวิตแบบนี้มา 7 ปี
จนกระทั่งไปเจอ อาจารย์ชฎิล ธาระเวช ซึ่งเป็นคุณหมอที่ทำการผ่าตัดให้ในวันที่ 11 ก.ค.61 ในใจคิดว่าการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงมาก แต่อย่างไรก็ต้องผ่าเพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เหมือน "ตายทั้งเป็น" ซึ่งกลังจากผ่าตัดแล้ว ตอนนี้ตนหายจากการให้อาหารทางหน้าท้อง คือมีหลอดอาหารใหม่ สามารถกินอะไรได้ทางปาก ความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ จึงอยากทำเรื่องนี้มาเล่าเตือนใจคนที่กำลังรู้สึกแย่ๆ ว่า อย่าคิดสั้นแม้แต่นิดเดียวเพราะชีวิตอาจจะพังลงเหมือนตน ทรมานแต่ไม่ตาย อย่าคิดอะไรเพียงชั่ววูบ.
...
(อ่านต้นฉบับ คลิกที่นี่)
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Fai Phattanun Jirarungkeat