หลังจากผ่านไปราว 48 ชั่วโมง ในการออกค้นหา เด็กนักเรียนทีมฟุตบอล หมูป่าอะคาเดมีแม่สาย พร้อมโค้ชรวม 13 คน ที่หายตัวเข้าไปภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน พื้นที่บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งล่าสุดยังไม่พบตัวผู้สูญหาย...
ทั้งนี้ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ สรุปอุปสรรคในการเข้าช่วยเหลือ 13 ชีวิตภายในถ้ำหลวง ซึ่งพบปัญหาหลัก ดังนี้
1. ฝนตก
จากปริมาณน้ำที่มากขึ้น เนื่องจากมีฝนตก ส่งผลให้น้ำในถ้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งน้ำป่าที่ไหลมาจากดอยผาหมี ทะลักปิดบริเวณปากถ้ำ
2. น้ำขุ่น
เนื่องจากน้ำที่ไหลเข้ามาบริเวณถ้ำ ประกอบกับหินดินทราย ส่งผลให้น้ำมีสีขุ่น เป็นอุปสรรคอย่างหนักในการดำน้ำเพื่อค้นหาทางออกของอีกฝั่งบริเวณภายในถ้ำ ถือเป็นปัญหาหนักในการออกค้นหา
3. ความลึกของถ้ำ
บริเวณถ้ำหลวง มีความยาวลึก 6-7 กิโลเมตร และยังมีความสลับซับซ้อน ซึ่งจากประวัติเคยมีคนเดินทะลุไปยังประเทศเมียนมา อีกด้วย
4. แสงสว่าง
...
ขณะที่ ภายในถ้ำไม่มีไฟส่องสว่าง ส่งผลให้ด้านในมืดสนิท เป็นปัญหาอย่างมากในการออกค้นหาผู้สูญหาย รวมทั้งเป็นปัญหาขอเด็กนักเรียนและโค้ช ในการเดินหาทางออกภายในถ้ำ
5. การสื่อสาร
ภายในถ้ำไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่สามารถส่งสัญญาณวิทยุได้ในระยะสั้นๆ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานด้วยความยากลำบาก
6. เวลา
หากนับเวลาที่โค้ชและเด็กนักเรียนทีมฟุตบอล ติดภายในถ้ำตั้งแต่วันที่ 23-25 มิ.ย.นี้ เป็นเวลากว่า 48 ชั่วโมง ส่งผลให้ผู้สูญหายเกิดอาการหิวและอ่อนล้าเป็นอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งทำการช่วยเหลือ เพื่อแข่งกับเวลาไม่ให้นานไปมากกว่านี้
7. ลมหายใจ (อากาศ)
ทั้งนี้ อากาศภายในถ้ำมีน้อยมาก ยิ่งหากมีน้ำไหลเข้ามาจะยิ่งปิดช่องทางระบายอากาศ การไม่มีอาหารให้กิน ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไม่มีอากาศให้หายใจ.