จี้มหาวิทยาลัยปรับหลักสูตรสนองวัยทำงาน
รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า ภาพรวมการสมัครเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาด้วยระบบทีแคส (TCAS) ประจำปีการศึกษา 2561 พบว่ามีเด็กที่จบชั้น ม.6 สมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างๆ กว่า 8 หมื่นคน ในขณะที่สถาบันอุดมศึกษาสามารถรับนักศึกษาได้ถึง 1.2 แสนคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปีนี้มีเด็กที่จะเข้าสู่การเรียนระดับอุดมศึกษาลดลง ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีเด็กจำนวนหนึ่งที่หันเข้าสู่อาชีพก่อนก็ได้ ซึ่งส่งผลให้ทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนจะมีตัวเลขเด็กที่จะเข้ามาเรียนลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชน และมหาวิทยาลัยที่เปิดการเรียนการสอนภาคพิเศษ เช่น เรียนวันเสาร์-อาทิตย์ เรียนเฉพาะภาคบ่าย ก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เพราะเด็กจะมุ่งสู่การเรียนภาคปกติเป็นหลัก และพบด้วยว่า สาขาวิชาในกลุ่มสังคม กลุ่มศิลปะจะมีตัวเลขลดลงพอสมควร ขณะที่กลุ่มวิศวกรรม กลุ่มอาหาร กลุ่มคอมพิวเตอร์ ยังได้รับความสนใจจากนักศึกษาสมัครเข้าเรียนต่อเป็นจำนวนมาก ส่วนกลุ่มที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมใหม่ กลุ่มสุขภาพ มีนักศึกษาให้ความสนใจสมัครเข้าเรียนเต็ม
อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวอีกว่า สิ่งที่สถาบันอุดมศึกษาจะต้องคำนึงและจะต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดก็คือ 1.ต้องเน้นการเรียนการสอนในหลักสูตรที่มุ่งสู่อาชีพในอนาคต 2.หลักสูตรที่ขาดความชัดเจนในการประกอบอาชีพจะไม่ได้รับความสนใจจากนักศึกษาอีกต่อไป ดังนั้นแต่ละหลักสูตรที่เปิดสอนจะต้องบอกได้ว่าจบไปแล้วสามารถไปประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีมหาวิทยาลัยทยอยปิดหลักสูตรที่ไม่มีนักศึกษาสมัครเรียน ทั้งจะมีมหาวิทยาลัยที่มุ่งเป้าไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางมากขึ้น และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหลักสูตรภาคพิเศษเหมือนที่ผ่านมาอีก
...
“นักศึกษาที่หายไปจากระบบบางคนเข้าสู่อาชีพ ซึ่งผมยังเชื่อว่าเด็กยังมีความต้องการที่จะเรียนต่อ เพียงแต่ระบบที่เด็กจะเข้าเรียนนั้น ต้องเอื้อต่อการทำงาน เช่น ระบบออนไลน์ ดังนั้นสถาบันอุดมศึกษาจะต้องมองกลุ่มที่ทำงานควบคู่ไปกับการเรียน พร้อมทั้งจัดหลักสูตรระยะสั้นเพื่อตอบสนองกลุ่มนี้ ซึ่งจะตอบโจทย์สร้างกำลังคนให้ถูกกับงาน” รศ.ดร.ประเสริฐกล่าว.