รอพิจารณาโทษ สังเวย‘แป๊ะเจี๊ยะ’

รมว.ศึกษาธิการระบุชัด ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย มีความผิดทางวินัยร้ายแรงอย่างชัดเจน เหลือแต่รอคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด กรุงเทพมหานคร พิจารณาลงโทษทางวินัย ไล่ออกหรือปลดออก แต่ระหว่างนี้ให้ใช้คำสั่ง คสช.ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ด้าน สพฐ.เด้งรับทันที พร้อมจ่อเชือดข้าราชการอีก 50 ราย ที่ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยและสืบข้อเท็จจริง ไล่ตั้งแต่ ผอ.สำนัก ผอ.เขตพื้นที่ ผอ.โรงเรียน ยันครู

หลังมีการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายวิโรฒ สำรวล ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กรณีคลิปรับเงินแลกที่นั่งเรียนเพื่อเข้าเรียนชั้น ม.1 เมื่อปีการศึกษา 2560 ในที่สุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย. นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ แถลงความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ประธานคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงฯ ได้รายงานผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการต่อ พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ปัญหาทุจริตของ ศธ. เพื่อให้รายงานตนว่า นายวิโรฒมีความผิดทางวินัยร้ายแรงอย่างชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำเอกสารเพื่อเสนอให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) กรุงเทพมหานคร พิจารณาลงโทษทางวินัย ซึ่งขณะนี้ กศจ.กทม.ยังไม่ได้พิจารณา แต่ในกรณีนี้ถือว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรงอย่างชัดเจนแล้ว จึงให้นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) หัวหน้าส่วนราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ใช้แนวทางการปฏิบัติตามหนังสือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรการ คสช. โดยไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ส่วนขั้นตอนการพิจารณาโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงของ กศจ.กทม. ซึ่งมีโทษคือ ไล่ออกกับปลดออก ก็ว่ากันไป เพราะหากให้รอ ไม่รู้จะประชุมกันเมื่อไหร่

...

ต่อข้อถามว่าผู้ปกครองที่มีการจ่ายเงินเพื่อแลกที่นั่งเรียนจะถือว่ามีความผิดฐานติดสินบนด้วยหรือไม่ รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า ตนยังไม่แน่ใจข้อกฎหมายนี้ว่ามีผลย้อนหลังหรือไม่ แต่หากเป็นการรับนักเรียนในปีการศึกษานี้ผู้ปกครองมีความผิดอย่างแน่นอน แต่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงิน และระบุว่าการบริจาคเงินหรือแป๊ะเจี๊ยะถือว่ามีความผิดเพราะเป็นการติดสินบน

ด้านนายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการ สพฐ. กล่าวว่า กรณีของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยถือเป็นที่สนใจของสังคม ตนจะดำเนินการตามมาตรการของ คสช. คือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ระหว่างรอผลการพิจารณาโทษของ กศจ. นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการในกรณีอื่นๆด้วย โดยขณะนี้ สพฐ.มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงข้าราชการจำนวน 41 ราย ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงอีก 9 ราย ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะมาพิจารณาดำเนินการตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องมาตรการป้องกันและปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการว่า มีใครบ้างที่จะต้องถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน หรือออกจากตำแหน่ง หรือย้าย ซึ่งผู้ที่โดนสอบสวนวินัยร้ายแรงมีตั้งแต่ระดับ ผอ. สำนักของ สพฐ. ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ผอ.โรงเรียน รอง ผอ.โรงเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ความผิดส่วนใหญ่เป็นการกระทำความผิดต่อหน้าที่เรื่องการเงิน และความผิดการล่วงละเมิดทางเพศ