แม่โวย พาลูกฝาแฝดไปดูดเสมหะที่โรงพยาบาล กลับออกมาสภาพหน้าแหก เส้นเลือดในตาแตก ขณะที่ จ่าพิชิต ชี้สภาพแบบนี้อาจเกิดจากโรคบางชนิด ไม่จำเป็นต้องโดนทำร้าย หรือกระแทกเท่านั้น...

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Hhow Angkana โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า ควรทำยังไงกับหมอที่ดูดเสลดลูกดี นี่แค่ดูดเสลดอย่างกับโดนซ้อมมา ลูกแฝดเป็นไวรัสลงหลอดลมและกล่องเสียง มีนักกายภาพมาดูดเสลดให้ 2 คน คนแรกเป็นคนดูมีอายุ ดูใจดี พูดจาดี เด็กอ้วกก็คือหยุดทำก่อน คือรู้ว่าเด็กรับได้แค่ไหน ดูดเสลดให้ลูกมา 2-3 รอบแล้ว

คนที่สองเป็นสาววัยรุ่น คนนี้ที่ทำให้ลูกหน้าตาแหกขนาดนี้ คือถ้าเด็กมันร้อง หรือเกร็งมาก ก็ควรจะผ่อนหนักผ่อนเบาหรือเปล่า คุณจะจับล็อกแล้วดูดเสลดจนหมดไส้หมดพุงเลยเหรอ นี่เด็กแค่ 3 ขวบเอง ทำไมถึงโหดร้ายขนาดนี้ ตัวแม่โดนไล่ออกจากห้อง ยิ่งอยู่เด็กจะยิ่งไม่ยอม แม่เข้าใจเลยไปยืนหน้าห้องแทน แต่ยืนหน้าห้องก็ไม่ได้อีกโดนไล่กลับให้ไปรอให้ห้องพัก คือพูดจาไม่ดีด้วย

พอดูดคนแรกเสร็จเอามาส่ง เราก็ตกใจตาขวาแตกเป็นห้อเลือด ก็ยังคิดบวกว่าวันนี้ลูกคงดิ้นมาก แต่ทำไมถึงร้องไห้ตาแตกขนาดนี้ พอคนที่สองกลับมาตาแตก ตาบวมแบบเป็นหนักเลย สงสัยทำไมลูกหน้าตาแหก ตาแตก แก้มเป็นจ้ำๆ ทั้งคู่เลย

เมื่อหมอเด็กเข้ามาตรวจวัดไข้ เรา อาม่า ก็ถามทำไมหน้าลูกถึงเป็นขนาดนี้ ไม่ได้ตอบรับ รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น มีแค่บอกว่าเดี๋ยวก็หายไม่เป็นไรไม่อันตราย พูดง่ายๆ แบบนี้เลย จนคิดเงินห้าโมงจะออกละ ก็ยังไม่มีใครมาอะไรนะ มีพยาบาลมาบอกว่าหมอจะให้น้ำตาเทียมไปหยอด ซึ่งก็คิดเงินอยู่ในบิลเราเรียบร้อย มันตลกมาก สิ่งไหนที่ รพ.จะรับผิดชอบบ้าง นอกจากสั่งน้ำตาเทียมกลับบ้านให้ไปหยอด

...

ทั้งนี้ เลือกมาโรงพยาบาลนี้ เพราะเป็นหมอที่ดูแลและฉีดวัคซีนลูกมาตลอด หมอเด็กเราไม่ติดใจนะ ติดใจนักกายภาพที่มาดูดเสลดให้ลูก พยาบาลก็มาถ่ายรูปตาลูกไป แล้วยังไงต่อ ตั้งแต่เช้าไม่มีใครมาพูดอะไรเลย เสียใจสงสารลูก สรุปเรื่องถึง ผอ.โรงพยาบาลเรียบร้อย คอยดูต่อไปว่าโรงพยาบาลจะจัดการอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ขณะที่ แฟนเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า มีคนส่งหลังไมค์มาถามเกี่ยวกับที่คุณแม่ท่านหนึ่ง พาลูกไปดูดเสมหะที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นลูกมีรอยจ้ำแบบนี้ขึ้นที่ตา แล้วคุณแม่เขาสงสัยว่า หมอพยาบาลใช้กำลังกับลูกเขาตอนดูดเสมหะรึเปล่า

อันนี้เดี๋ยวรอทางโรงพยาบาลออกมาแจ้ง แต่อันนี้น่าสนใจ เพราะโดยปกติเห็นการดูดเสมหะมาเยอะนะ แต่ต่อให้เด็กดิ้นมาก มันก็ไม่ถึงขั้นมีรอยจ้ำเลือดขนาดนี้ แต่หากพบเห็นรอยจ้ำเลือดรอบเบ้าตาในเด็กแบบในภาพ มันไม่จำเป็นว่าต้องเกิดจากการทำร้าย หรือกระแทกเท่านั้น

แต่ยังสามารถพบอาการแบบนี้ได้ในเด็กที่เป็นโรคบางชนิด เช่น มะเร็งจอประสาทตา มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งกระดูก ไขกระดูกฝ่อ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด เคสเด็กคนนั้นอาจจะต้องตรวจเพิ่มเติมอีกเยอะเลยว่ะ ให้รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่.

(ภาพและข้อมูล เฟซบุ๊ก Hhow AngkanaDrama-addict)