สกศ.รุกวิเคราะห์ก่อนเสนอ ครม. วางแผน 2 ระยะลดความเหลื่อมล้ำ

จากการประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา มี ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธาน ที่ประชุมได้พิจารณาการปฏิรูปการศึกษาแนวทางการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน โดย ศ.ดร.ดารณี อุทัยรัตนกิจ ประธานอนุกรรมการเฉพาะกิจศึกษาแนวทางการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการจัดการศึกษา กล่าวว่า ได้นำเสนอผลการวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งจากภายในและภายนอกของโรงเรียนเอกชน ซึ่งพบว่านักเรียนเอกชนถูกเลือกปฏิบัติเพราะไม่ได้รับเงินอุดหนุนอย่างเต็มที่ ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าเด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ นอกจากนี้ โรงเรียนเอกชนต้องจัดการศึกษาภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด ขณะที่โรงเรียนรัฐได้รับการอุดหนุนเต็มที่ทำให้เกิดสภาพการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ก็ไม่มีศักยภาพที่จะดูแลได้อย่างมีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเอกชนมีความหลากหลาย โรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพมีประเทศเพื่อนบ้านส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับประเทศ 60,000 ล้านต่อปี

ศ.ดร.ดารณี กล่าวอีกว่า ขณะที่การวิเคราะห์สถานการณ์ภายในพบว่าโรงเรียนเอกชนจัดการศึกษามีคุณภาพ แบ่งเบาภาระรัฐได้อย่างยั่งยืน แต่จากเงินงบอุดหนุนรายหัวที่โรงเรียนเอกชนได้รับจัดสรร 15,000 บาทต่อคนต่อปี ขณะที่โรงเรียนรัฐได้รับจัดสรร 39,000 บาท ต่างกันถึง 24,000 บาท หากจะปฏิรูปการศึกษาและให้โรงเรียนเอกชนยังคงอยู่ได้โดยไม่ต้องปิดตัวลง ได้เสนอให้เพิ่มเงินอุดหนุนให้กับโรงเรียนเอกชนเป็น 100% ทุกโรง รวมถึงผลักดันให้ได้รับงบประมาณโครงการอาหารกลางวันด้วย

ด้าน ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงบทบาทการจัดการศึกษาเอกชนที่ยังมีความจำเป็น เพราะสามารถจัดการศึกษาได้อย่างเข้มแข็งมีอิสระ แต่ต้องลดความเหลื่อมล้ำกับโรงเรียนรัฐ โดยวางแผนดำเนินการ 2 ระยะ คือ ระยะสั้น การจัดสรรงบอุดหนุนรายหัว 100% ให้กับโรงเรียน ซึ่งจะศึกษาวิเคราะห์เงินอุดหนุนรายหัวที่เหมาะสม จากนั้นจะนำเสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ และคณะรัฐมนตรีพิจารณา ส่วนระยะยาว วางแผนเปิดโรงเรียนเอกชน หรือขยายห้องเรียนเพิ่ม ทั้งระดับการศึกษาพื้นฐานและอาชีวะ ปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณเป็นงบพื้นฐานและงบเพิ่มเติมตามคุณภาพและบริบทของโรงเรียน.

...