'อ.เจษฎ์' เผยสาเหตุหลัก 'ฝุ่นละออง PM 2.5' ในเมืองใหญ่ จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์และการก่อสร้าง แนะกลุ่มเสี่ยงใช้หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น N95 คาดปลายเดือน ก.พ. สถานการณ์จะดีขึ้น...
แฟนเพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ โพสต์ข้อความให้ความรู้ สรุปเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 ระบุว่าจะโพสต์เรื่อง "ฝุ่น PM2.5" นี้หลายทีแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาซะที แถมข้อมูลก็มีออกมากันเยอะแยะหลายแหล่ง เพียงแต่รู้สึกว่าไม่ค่อยมีใครสรุปให้ชัดๆ ว่ามันคืออะไร และต้องระวังกันแค่ไหน เลยเอามาลองเขียนแบบสรุปเป็นข้อๆ
1. ฝุ่นละออง PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมาก ตามองไม่เห็น คือเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (ไมโครเมตร) หรือเล็กกว่า 3% ของเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผมเสีย สาเหตุหลักในเมืองใหญ่ คือ จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์และจากการก่อสร้าง (ไม่ใช่จากการเผาหญ้า เผาฟาง ทำไร่นะ)
2. ฝุ่นละออง ทั้งขนาด PM 2.5 และที่ขนาดใหญ่กว่า ล้วนเป็นมลพิษทางอากาศและเป็นปัญหาสำคัญของเมืองใหญ่ อย่างที่เป็นคลิปว่าเห็นฝุ่นลอยเต็มไปหมดที่ "สวนลุมพินี" นั่นน่าจะเป็นฝุ่นละอองขนาดใหญ่กว่า 50 ไมครอนที่ตามองเห็นได้ แต่ฝุ่นยิ่งเล็กเท่าไหร่ แทนที่มันจะตกลงสู่พื้นได้เร็วตามปรกติ มันกลับยิ่งแขวนลอยอยู่ในอากาศนานขึ้นเท่านั้น ทำให้เป็นปัญหาต่อสุขภาพหนักขึ้นไปอีก
3. ฝุ่น PM 2.5 มีอันตรายต่อสุขภาพอย่างชัดเจน เพราะการที่มันเล็กมาก ทำให้มันสามารถผ่านทางเดินหายใจสู่ปอดและสร้างปัญหากับหลอดเลือดได้ง่ายขึ้นเยอะ (พวกที่มีขนาดใหญ่ มักจะโดนดักเอาไว้ตั้งแต่ด้วยขนจมูก ด้วยเมือกและขนโบกตามช่องทางเดินหายใจ) และจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคทางเดินหายใจ
...
4. กรุงเทพฯ ระดับฝุ่น PM 2.5 ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.นี้ มีระดับสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตามริมถนนใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น และมีการก่อสร้างอยู่ เช่น ถนนพระราม 4 ถนนลาดพร้าว ถนนพญาไท ถนนอินทรพิทักษ์
5. อย่างไรก็ตาม ระดับฝุ่น PM2.5 ที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานนี้ ไม่ได้สูงถึงระดับวิกฤติ อย่างที่มีข่าวกันออกมาช่วงแรก ซึ่งเกิดจากการที่บางเว็บไซต์ไปคำนวณกันเองและเอาไปเทียบกับมาตรฐานต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง
6. สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 สูงนั้น มีมาแล้วหลายปี แต่ที่ปีนี้กลายเป็นประเด็นรณรงค์กันมาก เพราะมันมาค่อนข้างมาเร็วกว่าปีที่ผ่านๆ มา และค่อนข้างอยู่นานหลายเดือน ปรกติ ฝุ่น PM 2.5 จะเยอะขึ้นในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล จากฤดูหนาวไปฤดูร้อน เช่นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมักจะมีหมอกเกิดขึ้น ทำให้อากาศปิด แสงแดดส่องไม่ถึงพื้น ฝุ่นละอองขาดแรงในการผลักให้ลอยตัวสูงขึ้นไป จนสะสมอยู่ในอากาศเรี่ยพื้นดิน
7. การเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 โดยตัวเราเอง นอกจากจะหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้บริเวณริมถนนใหญ่ หรือบริเวณที่มีการก่อสร้างมาก ก็ยังสามารถติดตามค่าตัวเลขรายวันจากกรมควบคุมมลพิษแล้ว รวมไปถึงการสังเกตว่าวันนั้นเป็นวันที่สภาพอากาศนิ่ง ลมสงบ มีความชื้นในอากาศสูง มีหมอกหนาหรือไม่ เพราะจะมีการสะสมของฝุ่น PM 2.5 มาก หรือถ้าวันไหนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น วันนั้นปริมาณฝุ่นละอองในอากาศก็จะเจือจางลงไป
8. แล้วเราต้องตื่นกลัวฝุ่น PM 2.5 มากแค่ไหน? ถ้าท่านเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะมีปัญหาสุขภาพ เช่น ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าสู่พื้นที่ที่มีฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐานที่กำหนด เช่น ริมถนน ริมพื้นที่ก่อสร้าง ถ้าจำเป็นต้องออก ควรต้องใส่หน้ากากอนามัยระดับ N95 ส่วนประชาชนสุขภาพดีทั่วไป ก็ยังไม่จำเป็นจะต้องตื่นกลัว นอกจากต้องใช้ชีวิตหรือทำงานในบริเวณสุ่มเสี่ยงดังกล่าวเป็นประจำ ควรใส่หน้ากากป้องกันด้วย
9. หน้ากากอนามัยที่จะป้องกันฝุ่น N95 ได้นั้น ต้องมีความละเอียดของเส้นใยสูงพอที่จะกรองฝุ่นเล็กขนาด 2.5 ไมครอนได้ อย่างหน้ากาก N95 ที่มีขายกัน จะกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้ถึง 95% (ที่มาของชื่อ N95) จึงเหมาะสมที่จะเอามาใช้ ส่วนพวกแผ่นผ้าปิดปาก ที่ขายกันทั่วไปนั้น นอกจากจะกรองไม่ได้ละเอียดพอแล้ว ยังไม่แนบชิดกับใบหน้าเพียงพอด้วย อากาศยังผ่านเข้าออกได้ง่าย
10. ปลายเดือนนี้ สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ฝุ่นละอองทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ ก็ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่มากก็น้อย จึงควรช่วยกันลดต้นเหตุในการเกิดฝุ่น เช่น ลดการใช้ยานพาหนะ ปิดคลุมพื้นที่ก่อสร้างและรถที่ขนส่งวัสดุก่อสร้างให้มิดชิด รวมถึงทาง กทม. เองก็ควรจะเอารถดูดฝุ่น และพ่นน้ำบนท้องถนนมากขึ้นด้วย.
(ภาพและข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ )