“ทนายษิทรา” มองคดีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” ยืมมือตำรวจตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าชนะถือว่าส้มหล่น คงหวังลึกๆ ว่าโชคคงเข้าข้างอยู่บ้างเพราะตัวช่วยเหลือเฟือ
เพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ และเป็นทนายของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ ในคดีหวย 30 ล้าน โพสต์ข้อความล่าสุด (7 ก.พ. 61) ว่า ต่อจากนี้ประชาชนทั้งประเทศก็ต้องช่วยกันติดตามว่าผู้รับไม้ต่อจะสร้างความยุติธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมไทยได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด
คดีนี้มีผู้คนส่วนใหญ่ล้วนให้ความเห็นพร้อมสรุปว่าต้องให้ไปจบที่ศาล ต้องให้ศาลเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินว่าใครคือเจ้าของหวยที่แท้จริง ผมเองเห็นด้วยแต่ต้องเป็นกรณีที่ ครูปรีชา และพยานต้องมั่นใจในพยานหลักฐานของตนและยื่นฟ้องเองต่อศาล จนผ่านกระบวนการไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ศาลประทับรับฟ้อง สืบพยานทั้งฝ่ายคุณลุงและครู แล้วจบที่ศาลตัดสินครับ ถ้าครูใช้วิธีการนี้ผมยอมรับ เพราะเป็นวิธีที่ขาวสะอาดปราศจากข้อสงสัยแน่นอน
“คดีนี้ครูกลับยืมมือตำรวจเข้ามาจัดการตั้งแต่เริ่มต้น แต่เมื่อวิธีการขู่ปลอบไม่สำเร็จก็หันไปเล่นวิธีอื่นแทน กะวัดดวงซึ่งถ้าแพ้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าชนะก็ถือว่าส้มหล่น ในใจครูกับพวกคงหวังลึกๆ ว่าโชคคงเข้าข้างอยู่บ้างเพราะคิดว่ามีตัวช่วยเหลือเฟือ ความบิดเบี้ยวของคดีมันก็เลยเกิดขึ้น ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาก็ไม่ยอมรับ ยังดึงดันที่จะเดินหน้าต่อ”
ผมก็เลยปักธงว่าภาระการพิสูจน์ต้องอยู่ที่ครู ที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าหวยที่ครูอ้างนั้นเป็นของครูจริงๆ โดยปราศจากข้อสงสัย และต้องพิสูจน์ด้วยว่าคุณลุงไปลักขโมย ยักยอกหรือรับของโจรจากใครด้วยวิธีการใด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีพิสูจน์ฝ่ายผู้กล่าวหาด้วยและตรงกับตัวบทกฎหมายที่คนส่วนใหญ่มองข้ามกัน เพราะส่วนใหญ่เข้าใจผิดและคิดอยู่อย่างเดียวว่าผู้ถูกกล่าวหาต้องหาพยานหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหาแต่เพียงฝ่ายเดียวให้ได้ เมื่อหาไม่ได้ก็ต้องสั่งฟ้องลูกเดียว ผมเห็นว่าวิธีการนี้น่าจะมีการปรับแนวคิดได้แล้วครับ โดยเฉพาะตำรวจที่เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม.
...