ศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ กล่าวในการมอบนโยบายด้านอุดมศึกษาแก่ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่า มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวเป็นแหล่งการเรียนรู้ ตามทิศทางอุดมศึกษาโลกยุคใหม่ สอนเด็กให้มีกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงภาพใหญ่ของโลก ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว อนาคตจำนวนมหาวิทยาลัยจะลดลง เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลง และการเรียนในระบบออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ปัจจุบันเรามีมหาวิทยาลัย 157 แห่ง อนาคตหากไม่ปรับตัวก็จะต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชน ตนจึงอยากให้มหาวิทยาลัยปรับการเรียนการสอน ซึ่งต่อไปความสำคัญของปริญญาจะน้อยลง ผู้จ้างงานจะไม่ดูที่เกรดเฉลี่ย แต่จะดูทักษะความสามารถในด้านต่างๆ เพราะเชื่อว่าทักษะจะ ทำให้คนทำงานร่วมกับคนอื่นได้ มหาวิทยาลัยจะต้องสอนคนจบออกมาแล้วมีงานทำ ไม่ใช่ตกงาน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ยังมีบัณฑิตตกงานถึง 16%
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ตนอยากให้อุดมศึกษามีหน้าที่สร้างศักยภาพของประเทศ โดยพัฒนาคนแต่ละกลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มผู้จบประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มอบโจทย์ให้ไปหาแนวทางแก้ไขใน 3 เดือน 2. กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งในปี 2566 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุมากถึง 20% ของประชากรทั้งประเทศ ปี 2573 เพิ่มเป็น 25% ถือเป็น 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด ดังนั้น มหาวิทยาลัยจะต้องเตรียมหลักสูตรเพื่อพัฒนาผู้สูงอายุให้สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพและมีศักดิ์ศรี โดยมหาวิทยาลัยทลายกำแพงระหว่างคณะลง จัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการร่วมกัน ซึ่งตนจะให้มหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมเริ่มทำทันทีในปีการศึกษา 2561 ประมาณ 7 แห่ง.