ข่าวของหมอขับรถชนยาม โดยยังมีข้อสงสัยกันว่า 'เมาแล้วขับ' หรือไม่นั้น ทำให้คนทั่วไปที่ยังไม่รู้ว่า เมาแล้วขับ ตามกฎหมายคืออะไร ไทยรัฐออนไลน์ได้รวบรวมข้อมูลไว้ดังนี้

ที่ผ่านมา กฎหมายกำหนดไว้ว่า เกณฑ์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ให้ถือว่าผู้ขับขี่นั้นเมาสุรา คือ ปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม

แต่มาปี 2560 มีการปรับปรุงเกณฑ์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดใหม่ ผู้ขับขี่ที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุรา

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือผู้ขับขี่ซึ่งได้รับใบอนุญาตขับรถแบบชั่วคราว ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุราเช่นกัน

ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่นอกเหนือจากนี้ ยังคงใช้กฎข้อบังคับตามหลักเกณฑ์เดิม คือ ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะถือว่าเมาสุรา

สำหรับอัตราโทษในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรา คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับขั้นต่ำเพิ่มเป็น 10,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ มีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาต และเพิ่มมาตรการยึดรถในชั้นศาล ไม่เกิน 7 วัน

ส่วนโทษในเรื่องของการเมาแล้วขับ แล้วทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ คือ จำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000 - 100,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตฯ ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตฯ

ส่วนเมาแล้วขับ แล้วเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 2-6 ปี ปรับ 40,000 - 120,000 บาท พักใช้ใบอนุญาตฯ ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาต

แต่หากเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000 - 200,000 บาท รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาตฯ ขับขี่

...