บ่อบำบัดโรงงานเอทานอลสุพรรณบุรี แตก เหตุฝนตกหนัก พบน้ำสีดำไหลทะลักไปทั่ว พบเป็นน้ำกากส่า ส่งกลิ่นเหม็นจากก๊าซไข่เน่า หากมีความเข้มข้นสูงจะส่งผลต่อสุขภาพระบบทางเดินหายใจ หวังฝนตกให้เจือจาง ด้านรองผู้ว่าฯ เตรียมลงพื้นที่

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 60 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ มีการโพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “ชาวบ้านสระบัวก่ำ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เดือดร้อนมาก น้ำเน่าจากบ่อของโรงงานแตกไหลท่วมบ้านเรือนเสียหายเกือบทุกหลังคาเรือน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 60 เวลาประมาณตี 3 เกิดฝนตกหนักมากและบ่อน้ำเสียของโรงงานแห่งหนึ่งได้พังทลาย น้ำไหลท่วมบ้านเรือนเสียหาย และข้าวของภายในบ้านเสียหายมาก ไร่อ้อย นาข้าว ชาวบ้านอยากได้ความเป็นธรรม และการแก้ไขปัญหาของบริษัท ไม่รู้มีพิษไหม สีมันน่ากลัวมาก”

ทั้งนี้ จากการติดตามเบื้องต้นของผู้สื่อข่าวในพื้นที่ว่า เกิดจากฝนที่ตกหนักตลอดทั้งคืนจนเป็นเหตุให้เกิดน้ำป่าไหลลงมาที่บ่อบำบัดน้ำเสียแห่งหนึ่งจนเอ่อล้นลงเข้าท่วมเข้าหมู่บ้านและไร่นาของชาวบ้านหมู่ที่ 7 บ้านสระบัวกล่ำ และหมู่ที่ 15 ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง พบว่า น้ำเสียดังกล่าวเริ่มส่งผลให้มีปลาในห้วยกระเสียว ลอยคอตายบ้างแล้ว เนื่องจากน้ำที่ไหลลงมาท่วมมีปริมาณน้ำเสียจากบ่อบำบัดน้ำเสียไหลผสมลงมาด้วย โดยเบื้องต้นผู้เกี่ยวข้องกำลังประสานกับโรงงานบำบัดน้ำเสียเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้น้ำเสียล้นลงมาเพิ่มเติมอีก พร้อมจัดการตรวจสอบคุณภาพน้ำรวมทั้งการเร่งส่งน้ำดีมาเจือจางและขับไล่น้ำเสียต่อไป

...

(ภาพจากมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี)
(ภาพจากมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี)

ล่าสุด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ นักวิชาการ และอาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Weerachai Phutdhawong ถึงกรณีดังกล่าวว่า “น้ำเสีย น้ำกากส่า สีดำๆ จากโรงงานผลิตแอลกอฮอล์ ที่ไหลทะลักออกมาจากโรงงานผลิต ethanol กรณีที่ฝนตก เป็นสารกลุ่มอินทรีย์ซึ่งรอการหมักหมมต่อ สิ่งที่เกิดขึ้นคือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของก๊าซไข่เน่า หรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งจะส่งผลให้สภาพความเป็นกรดสูงขึ้นในระดับหนึ่ง ก็ภาวนาให้ฝนตกและทำการเจือจาง ออกจากหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ คือภาวะการเกิดสนิมที่แรงขึ้นกับเครื่องใช้ครัวเรือนของประชาชน และการรบกวนของกลิ่นก๊าซไข่เน่า ซึ่งหากมีความเข้มข้นสูงจะส่งผลต่อสุขภาพ ระบบทางเดินหายใจในระยะยาว ขอเป็นกำลังใจให้คนในพื้นที่”

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะรายงานให้ทราบต่อไป.

(ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ และ Weerachai Phutdhawong)