ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีปัญหาซ้ำซากมานาน หลายรัฐบาลออกมาตรการอะไรก็เอาไม่อยู่

มีปัญหาไล่มาตั้งแต่พื้นที่ปลูก ก่อให้เกิดเขาหัวโล้น ระหว่างปลูกฉีดพ่นยากำจัดศัตรูพืช ถูกครหาทำลายสภาพแวดล้อม ครั้นถึงเวลาเก็บเกี่ยวไปขายได้ราคาต่ำ เกิดม็อบออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยหว่านล้อมแกมบีบผู้ผลิตอาหารสัตว์ช่วยรับซื้อในราคาบิดเบือนกลไกตลาดเป็นประจำทุกปี

สถานการณ์ภาพรวม เกษตรกรผู้ปลูกมองความผิดไปที่ผู้ผลิตอาหารสัตว์...รับซื้อในราคาต่ำ นำเข้าข้าวสาลี วัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นราคาถูกมาเป็นส่วนผสมแทนข้าวโพด

หากมองในมิติเดิมๆคงจะจริงเหมือนอย่างที่เขาว่ากัน...แต่ถ้ามองในมิติสงครามทางการค้า ที่รู้จักกันในชื่อ การค้าเสรี องค์การการค้าโลก ข้อตกลงทางการค้า รวมทั้งข้อกีดกันทางการค้าที่เรากำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้

ถ้าอยากจะมีอาชีพ มีชีวิตอยู่ในแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่โทษเขาโทษใคร...มองทุกอย่างด้วยใจเป็นธรรม จะสามารถหาทางออกอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

วันนี้เรารู้กันหรือไม่ การปลูกข้าวโพดในพื้นที่ผิดกฎหมาย พูดง่ายๆ รุกป่าปลูกข้าวโพด...เลิกทำดีกว่า ไม่ต้องออกมาเรียกร้องให้ขอขายแบบได้ราคา

เพราะจะไม่มีโรงงานอาหารสัตว์แห่งไหนรับซื้อ...รู้จัก “ไอยูยู” ไหม กรณีข้าวโพดนี่ก็เหมือนกัน นำไปผลิตเป็นอาหารสัตว์ สัตว์กินเข้าไป พอถึงขั้นจะส่งเนื้อสัตว์ไปขายต่างประเทศ ถ้าเขาพบว่าสัตว์กินอาหารจากข้าวโพดรุกป่า จะถูกแบน...ไม่ใช่แค่คนปลูกข้าวโพดรุกป่าเท่านั้นที่เดือดร้อน เกษตรกรคนอื่นๆที่อยู่ในห่วงโซ่นี้จะซวยไปทั้งระบบ หนักหนาสาหัสกว่าเป็นไหนๆ

และด้วยเหตุผลนี้เป็นคำตอบ ทำไมโรงงานอาหารสัตว์ถึงไม่อยากใช้วัตถุดิบของไทย หันไปใช้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ใช่แค่เรื่องราคาถูกกว่าข้าวโพดที่เราปลูกได้เอง...แต่เป็นเพราะวัตถุดิบที่นำเข้ามาสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่า ผลิตมาจากแหล่งผลิตไหน ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่

...

ส่วนของไทยวันนี้เรามี GAP ในพืชหลายชนิด...แต่สำหรับการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชอาหารสัตว์ชนิดอื่นๆ ยังไม่มีมาตรฐานอะไร ให้ประเทศคู่ค้าที่จ้องจะบีบกีดกันสินค้าได้สบายใจแม้แต่น้อย

โลกเปลี่ยนไป...คนไทยปรับตัวไม่ทัน ผลมันจึงเป็นเช่นนี้แล.


สะ–เล–เต