สมาชิก
45 ปีแห่งการบุกเบิกแฟชั่นไทย ATELIER PICHITA ร่วมสืบสานมรดกหัตถศิลป์ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

45 ปีแห่งการบุกเบิกแฟชั่นไทย ATELIER PICHITA ร่วมสืบสานมรดกหัตถศิลป์ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

-ก+

แชร์ข่าว

เปิดหน้าประวัติศาสตร์ของวงการแฟชั่นไทย ชื่อชั้นของ “ATELIER PICHITA” (แอตเตอลิเยร์ พิจิตรา) ได้รับการจารึกไว้ในฐานะสัญลักษณ์ของความหรูหราสง่างาม ที่หลอมรวมจิตวิญญาณตะวันออกเข้ากับศาสตร์การตัดเย็บชั้นสูงแบบตะวันตก และในวาระครบรอบ 45 ปี “พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์” ดีไซเนอร์ผู้เป็นหัวใจของแบรนด์ เตรียมจัดงานครั้งสำคัญที่เป็นมากกว่างานแฟชั่นโชว์ แต่คือการแสดงความคารวะต่อมรดกอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับการถ่ายทอดมา

งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อถวายพระเกียรติแด่ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ผู้ทรงเป็นดั่งดวงประทีปที่ส่องสว่างนำทางให้ผ้าไทยกลับมามีชีวิต และเป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก ด้วยพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่ศิลปหัตถกรรมผ้าไทย “ATELIER PICHITA” จึงขอน้อมนำแรงบันดาลใจสูงสุดนี้ ถ่ายทอดผ่านแฟชั่นโชว์และนิทรรศการภายใต้แนวคิด “The Golden Metamorphosis” ศิลปะแห่งการเปลี่ยนผ่านที่งดงามจากรากเหง้า สู่การเติบโตและความละเมียดละไมของสตรีไทยในยุคปัจจุบันจาก “ระพี” สู่ “พิจิตรา” มรดก 3 รุ่นแห่งหัตถศิลป์ไทย



เส้นทาง 45 ปีของ “ATELIER PICHITA” ไม่ได้เริ่มต้นที่ศูนย์ แต่เป็นการสืบสาน มรดกทางปัญญาและจิตวิญญาณแห่งแฟชั่นของตระกูล “บุณยรัตพันธุ์” โดย “คุณเจี๊ยบ-พิจิตรา” คือทายาทสายตรงของ “อาจารย์ลำยงค์ บุณยรัตพันธุ์” สตรีไทยผู้บุกเบิกวงการแฟชั่นสมัยใหม่ และเป็นผู้ก่อตั้ง “สถาบันระพี” สถาบันสอนตัดเสื้อและออกแบบแฟชั่นแห่งแรกของประเทศไทยเมื่อปี 2494

“สถาบันระพี” ในยุคบุกเบิกนั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการช่างเสื้อไทย ที่นำเสนอการตัดเย็บแบบฝรั่งเศสแท้ๆ สร้างมาตรฐานสากลให้เกิดขึ้นในประเทศ “คุณเจี๊ยบ- พิจิตรา” เติบโตมาท่ามกลางม้วนผ้า เสียงกรรไกร เสียงจักร และแบบร่างปลิวไสว ซึมซับศาสตร์และศิลป์ของการสร้างสรรค์เสื้อผ้าชั้นสูงจากมารดาโดยตรง ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อด้านการออกแบบในสถาบันอันทรงเกียรติแห่งกรุงปารีสอย่าง “Chambre Syndical de la Couture” และผ่านการฝึกฝนในฐานะนางแบบที่ห้องเสื้อ “Torrente” เพื่อซึมซับศาสตร์และศิลป์อันเข้มข้นของโอต์กูตูร์ ผลลัพธ์ที่ได้คือเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความสง่างามแบบปารีสเข้ากับความเข้าใจในศิลปะระดับโลกได้อย่างลงตัว



เมื่อ “คุณเจี๊ยบ-พิจิตรา” เรียนจบ และกลับมาก่อตั้ง “ATELIER PICHITA” ในปี 2523 แบรนด์จึงถือกำเนิดขึ้นพร้อมเอกลักษณ์ที่ชัดเจน นั่นคือการผสมผสานโครงสร้างการตัดเย็บที่เฉียบคมแบบตะวันตก เข้ากับความอ่อนช้อยและจิตวิญญาณของแมททีเรียลแบบตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผ้าไทย” ถึงวันนี้มรดกแห่งความภาคภูมิใจกำลังถูกส่งต่อไปยังทายาทรุ่นที่สาม “ฑาทิม รักษะจิตร” ที่เข้ามาช่วยสานต่อวิสัยทัศน์ผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ตำนานบทนี้ยังคงเปล่งประกายและร่วมสมัยอยู่เสมอสายใยแห่งพระมหากรุณาธิคุณ สู่ “ฉลองพระองค์” อันทรงคุณค่า


ความผูกพันระหว่าง “ATELIER PICHITA” และ “ผ้าไทย” ลึกซึ้งและแนบแน่นอย่างยิ่ง โดยได้รับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่จาก “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ผู้ทรงพลิกฟื้นผืนผ้าที่เกือบจะสูญหายให้กลับมาเป็นสมบัติของแผ่นดิน “คุณเจี๊ยบ-พิจิตรา” ได้รับโอกาสอันเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตหลายครั้งในการถวายงานตัดเย็บฉลองพระองค์ ทั้งจากผ้าไทยส่วนพระองค์ที่พระราชทานมา และผ้าไทยล้ำค่าจากโครงการศิลปาชีพฯ ตลอดจนได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวดผ้าไหมศิลปาชีพฯ


“ดิฉันและแบรนด์ “ATELIER PICHITA” ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงฟื้นฟูและเผยแพร่ผ้าไทยจนเป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล การที่ได้มีโอกาสถวายงานตัดเย็บฉลองพระองค์ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกผ้าไหมศิลปาชีพฯ ถือเป็นเกียรติสูงสุดและเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ในการทำงานมาโดยตลอด การได้สัมผัสและทำงานกับผ้าศิลปาชีพ ทำให้เราได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพและสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ท่าน ที่ทรงมองเห็นคุณค่าในงานฝีมือของชาวบ้าน และทรงยกระดับผ้าทอเหล่านั้นให้กลายเป็นผลงานแฟชั่นชั้นสูงที่ทั่วโลกยอมรับ การได้ถวายงานในวันนั้น ไม่เพียงเป็นเกียรติสูงสุดของชีวิต แต่คือบทเรียนล้ำค่าที่สุดที่สอนให้เราเข้าใจว่า “รากเหง้า” คือสิ่งที่ทรงพลังที่สุด คอลเลกชัน “The Golden Metamorphosis” จึงเปรียบเสมือนการเฉลิมฉลอง “ยุคทองของผ้าไทย” ที่พระองค์ท่านทรงมอบไว้เป็นมรดกของแผ่นดิน” นิทรรศการ “The Golden Metamorphosis” เปิดคลังสมบัติผ้าไทย


นับเป็นโอกาสหายากยิ่งที่จะมีการเปิดคลังสมบัติทางวัฒนธรรม จัดแสดงผลงานที่หาชมยาก เพื่อบอกเล่าการเดินทางตลอด 45 ปีของแบรนด์ “ATELIER PICHITA” โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ฉลองพระองค์ใน “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ที่ออกแบบและตัดเย็บโดยห้องเสื้อพิจิตรา อาทิ ฉลองพระองค์ชุดกลางวัน (ปี 2538) ความงดงามอันน่าทึ่งของฉลอง พระองค์องค์นี้ อยู่ที่การผสานความต่างอย่างลงตัว บนพื้นฐานของผ้าไหมไทยสีดำสนิท โครงสร้างเสื้อแบบตะวันตกถูกเติมเต็มความวิจิตรบรรจงด้วยการนำ “ผ้าปักชาวเขา” มาแต่ง บริเวณแขนเสื้อ สะท้อนถึงพระราชปณิธานในการรวมศิลป์แผ่นดิน ที่ทรงสนับสนุนงานหัตถศิลป์จากทุกภูมิภาคในผืนแผ่นดินไทย อีกหนึ่งมาสเตอร์พีซยกให้ฉลองพระองค์ผ้ามัดหมี่ (ปี 2540) ฉลอง พระองค์ที่แสดงถึงการเคารพในภูมิปัญญาการทอผ้าชั้นสูงของไทย ตัดเย็บจาก “ผ้ามัดหมี่ยกดอกลายเทา” ซึ่งเป็นเทคนิคการทอผ้าที่ซับซ้อนและต้องใช้ความชำนาญสูงสุด แสดงให้เห็นถึงการตีความผ้าไทยโบราณให้กลายเป็นฉลองพระองค์ร่วมสมัยที่ยังคงความสง่างามตามแบบแผน


นอกจากฉลองพระองค์อันเป็นมงคลยิ่งแล้ว นิทรรศการดังกล่าวยังพาผู้ชมเจาะลึกเบื้องหลังเทคนิคอันเป็นหัวใจของแบรนด์ ตั้งแต่การทอผ้าไหมด้วยเทคนิคพิเศษ ไปจนถึงเรื่องราวความร่วมมือกับช่างฝีมือท้องถิ่นที่ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน “ศิลปะสวมใส่ได้” (Wearable Art) อันเป็นเอกลักษณ์สร้างชื่อของแบรนด์ ภายในงานยังมีการเปิดตัวหนังสือเล่มพิเศษ “PICHITA THE LEGACY” บันทึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวงการแฟชั่นไทยที่เติบโตคู่กับผ้าไทย พิมพ์จำนวนจำกัดเพียง 1,000 เล่ม โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำทูลเกล้าฯถวายโดยเสด็จพระราช กุศลสมทบทุนสภากาชาดไทย พร้อมมอบทุนการศึกษาให้นักศึกษาศิลปะในมหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้สนใจสามารถชมนิทรรศการ “45th Year Anniversary Exhibition” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 22-29 พ.ย.นี้ ณ ชั้น 1 เอ็มไลฟ์สไตล์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ