"ในหลวง-พระราชินี" เตรียมเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย. 68
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่ประกาศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนิน เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2568 ในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน เพื่อทรงเจริญพระราชไมตรีและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
การเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีกำหนดการสำคัญ ได้แก่ การเสด็จพระราชดำเนินไปยังมหาศาลาประชาชน เพื่อทรงร่วมพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการและทรงพบกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และภริยา
จากนั้น จะพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยาจะถวายพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการที่มหาศาลาประชาชน
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่สำคัญทางศิลปวัฒนธรรมและศาสนา โดยจะทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ที่วัดหลงกวง กรุงปักกิ่ง และทอดพระเนตรความก้าวหน้าด้านการพัฒนาประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการศึกษา โดยจะทรงเยี่ยมชมสถาบันเทคโนโลยีอวกาศ ศูนย์เทคโนโลยีด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากร และศูนย์หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ในกรุงปักกิ่ง
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์พระราชวังโบราณกรุงปักกิ่ง เพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการพิเศษ “หมื่นมิ่งมงคลไชย สายสัมพันธ์นิรันดร: นิทรรศการโบราณวัตถุฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย - จีน” รอบปฐมทัศน์
ในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปี 2568 นี้ ถือเป็น "ปีทองแห่งมิตรภาพไทย - จีน" และจะเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ไทยจะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนถึงมิตรภาพและความเข้าใจอันดียิ่ง ระหว่างสองประเทศในทุกระดับ อีกทั้งจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้เจริญรุ่งเรือง และแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต และยังประโยชน์ให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศสืบไป
