สมาชิก
โครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล คืนความอุดมสมบูรณ์สู่ท้องทะเลไทย

โครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล คืนความอุดมสมบูรณ์สู่ท้องทะเลไทย

-ก+

แชร์ข่าว

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีความห่วงใย และมีพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะท้องทะเลไทย ที่นับวันสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ต่างถูกทำลายจนเริ่มมีปริมาณลดลง ซึ่งหากปล่อยไว้ระบบนิเวศที่เกื้อหนุนวงจรชีวิตซึ่งกันและกันจะถูกทำลาย จึงเป็นที่มาของโครงการพระราชดำริเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติที่สำคัญหลายโครงการ และจุดประกายให้มีการสานต่อจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในนั้นคือ "โครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล" ที่เกาะมันใน จังหวัดระยอง

ย้อนกลับไปเมื่อปีพุทธศักราช 2518 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ คือ พื้นที่เกาะมันใน เกาะกลางทะเลอ่าวไทย ในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ให้กรมประมงดำเนินโครงการตามพระราชดำริ พัฒนาพื้นที่ประมาณ 137 ไร่ ชายฝั่งมีระยะทางยาว 1,200 เมตร กว้าง 550 เมตร เพื่ออนุรักษ์เต่าทะเล 


ที่ขณะนั้นมีแนวโน้มลดจำนวนลง พร้อมกับขอพระราชทานพระอนุญาตให้ใช้ชื่อโครงการว่า "โครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล" โดยพระราชทานเต่าทะเลสำหรับเพาะพันธุ์ และลูกเต่าทะเลรวม 100 ตัว นำไปปล่อยสู่ท้องทะเลอ่าวไทย ที่เกาะมันใน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2522 เพื่อขยายพันธุ์ในท้องทะเลไทย

สำหรับแนวทางการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ตามโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลนั้น มีตั้งแต่การเพาะลูกเต่า แล้วนำมาอนุบาล โดยตั้งแต่ปี 2523 ได้ดำเนินการเพาะลูกเต่าทะเลที่ได้รับมาจากกองทัพเรือ ที่เพาะฟักที่เกาะคราม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จนแข็งแรง ได้ปล่อยลงทะเลรวม 822 ตัว จากนั้นได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนได้จำนวนเต่าทะเลเพิ่มขึ้น ทั้งเต่าตนุ และเต่ากระ จากจำนวนหลักร้อยตัวเป็นนับพันตัวในแต่ละปี


ปัจจุบันจำนวนเต่าทะเลมีเพิ่มขึ้นจากการเพาะลูกเต่า และนำมาอนุบาล สถานการณ์จึงต่างจากในอดีตที่ลูกเต่าทะเลมีอัตราการรอดหลังจากฟักตัวออกจากไข่แล้วไม่มาก โดยข้อมูลจากเว็บไซต์กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ในปัจจุบัน ได้ระบุถึงธรรมชาติการวางไข่ของแม่เต่าทะเลว่า แม่เต่าจะเดินทางในท้องทะเลอันแสนกว้างใหญ่ เพื่อเลือกแหล่งวางไข่ตามชายหาดที่เงียบสงบ เมื่อวางไข่แล้วก็ปล่อยให้ไข่นั้นฟักออกมาเอง โดยเฉลี่ยใช้เวลาฟักตัว 50-65 วัน ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของเต่า


เมื่อถึงเวลาลูกเต่าออกมาดูโลก โดยที่กระดองยังไม่แข็งแรง รออีกประมาณ 1-2 วัน ก็จะคลานจากหาดทรายกลับสู่ท้องทะเลในค่ำคืนที่เงียบสงัด เพื่อให้ปลอดภัยจากศัตรูตามธรรมชาติบนชายฝั่งทะเล ทั้งมนุษย์ และสัตว์ผู้ล่า ซึ่งในอดีตนั้นระหว่างที่แม่เต่าวางไข่ทิ้งไว้ รอเวลาลูกน้อยฟักตัว โอกาสที่ลูกเต่าจะรอดไม่มากนัก โดยเฉลี่ยรอดไม่ถึง 1 ใน 1,000 ตัว และแม้จะเติบโตมาแล้วเต่ายังถูกล่าเป็นอาหารมนุษย์ และกระดองถูกนำไปทำเป็นเครื่องประดับอีกด้วย


ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น โดยมีแม่เต่ามาวางไข่ในพื้นที่ชายหาดมากขึ้น และโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เกาะมันใน ก็ได้เป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์เต่าทะเล โดยมีพิพิธภัณฑ์เต่าทะเล และมีผู้สนใจมาเยี่ยมชมการดูแล และอนุบาลเต่าทะเลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความถึงการส่งต่อความสนใจและมุ่งมั่นในการอนุรักษ์เต่าทะเลจากรุ่นสู่รุ่น 


โดยจะทำให้วงจรชีวิตของเต่า และระบบนิเวศทางทะเลมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากจุดเริ่มต้นเมื่อกว่า 40 ปีที่ผ่านมา

ที่มาข้อมูล : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, หนังสือใต้ร่มพระบารมี เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 12 สิงหาคม พ.ศ.2535