จากพระราชดำรัสตอนหนึ่งในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ปีพุทธศักราช 2531 ณ ศาลาดุสิดาลัย ที่ว่า “ข้าพเจ้าเห็นว่า เรื่องสุขภาพอนามัยนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ดังคำกล่าวที่ว่า จิตใจที่แจ่มใสย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง หากประชาชนมีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะมีสติปัญญาเล่าเรียน ประกอบสัมมาอาชีพ สร้างสรรค์ความเจริญต่างๆ ให้บ้านเมือง ดังนั้นถ้าจะกล่าวว่า พลเมืองที่แข็งแรงย่อมสามารถสร้างชาติที่มั่นคง ก็คงจะไม่ผิด”
นับเป็นพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งมั่นให้พสกนิกรชาวไทย มีสุขภาพอนามัยที่ดี โดยทรงดำเนินโครงการในพระราชดำริเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง ในโครงการแพทย์และสาธารณสุขตามพระราชดำริ ดังนี้
โครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดเกล้าฯ ให้มีโครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน โดยจัดตั้งขึ้นเมื่อ ปีพุทธศักราช 2512 เพื่อไปตรวจรักษาราษฎรภาคเหนือ ที่อยู่ในเขตผู้ก่อการร้ายในเวลานั้น ในเวลาต่อมาหน่วยแพทย์พระราชทาน ยังได้ทำหน้าที่ติดตามขบวนเสด็จฯ เพื่อตรวจรักษาราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารที่มารอรับเสด็จด้วย โดยในบางครั้งหน่วยแพทย์พระราชทานจะเดินทางไปตรวจสุขภาพประชาชนล่วงหน้าก่อนขบวนเสด็จฯ ไปถึง
ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2537 ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปยังบ้านรวมไทย ทรงเยี่ยมราษฎรจากบ้านรวมไทย บ้านห้วยขาน บ้านห้วยมะเขือส้ม และบ้านนาป่าแปก 1 และ 2 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง และไทใหญ่ นอกจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะพระราชทานถุงเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค พันธุ์มะม่วง พันธุ์แพะ แกะ และเป็ดเทศ แก่ตัวแทนราษฎรจาก 5 หมู่บ้าน และทรงรับราษฎรผู้สมัครใจเข้าเป็นสมาชิกศิลปาชีพแล้ว ยังโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยแพทย์พระราชทานเดินทางล่วงหน้าตรวจรักษาราษฎร ตลอดจนทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์อีกด้วย
โครงการแพทย์หลวง
ย้อนไปเมื่อปีพุทธศักราช 2510 เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล หัวหิน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดคณะแพทย์หลวงตรวจรักษาราษฎรในเขตจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ที่ปกติไม่มีหน่วยแพทย์ของทางการเข้าไปดูแล จากนั้นเมื่อมีพระราชฐานในภูมิภาคต่างๆ จึงเกิดโครงการแพทย์หลวงตามพระราชดำริ ไปบริการตรวจรักษาราษฎรในละแวกใกล้เคียงพระราชฐาน โดยมีแพทย์อาสาสมัครมาช่วยในโครงการด้วย
โครงการศัลยแพทย์อาสา
โครงการศัลยแพทย์อาสา จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 21 มกราคม พุทธศักราช 2520 เพื่อช่วยแพทย์ท้องถิ่น และเริ่มจัดศัลยแพทย์อาสาของวิทยาลัย ไปช่วยปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดสกลนครเป็นแห่งแรก อันเป็นจังหวัดที่ตั้งของพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และเช่นกัน โครงการศัลยแพทย์อาสา ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามภูมิภาคต่างๆ ด้วย
โครงการหมอหมู่บ้าน
ด้วยพระราชประสงค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงให้ประชาชนสามารถช่วยเหลือกันเองได้ จึงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการหมอหมู่บ้าน” โดยให้ราษฎรในหมู่บ้านที่พอมีความรู้ สมัครไปอบรมหลักสูตรหมอหมู่บ้าน เป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคต่างๆ การใช้ยา โภชนาการ สุขอนามัย และการปฐมพยาบาล แล้วมาแนะนำคนในชุมชน ในหมู่บ้าน โดยเปิดอบรมในโรงพยาบาลในจังหวัดที่เสด็จแปรพระราชฐาน
ยาพระราชทาน
ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่างๆ นั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะพระราชทานกล่องยาแก่ราษฎร รวมถึงพระราชทานกล่องยาไว้ที่ส่วนกลางของหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นวัด มัสยิด โรงเรียน หรือศาลารวมใจ โดยยาพระราชทานนั้นเป็นยาสามัญ หรือเวชภัณฑ์สำหรับทำแผล เป็นต้น
หลายพื้นที่ห่างไกลต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพราะทุกครั้งเมื่อเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎร ไม่เพียงแต่พระราชทานกำลังใจ สร้างอาชีพ แต่ทรงมีพระเมตตาที่เมื่อราษฎรได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด พระองค์ได้ทรงซักถามประวัติผู้ป่วย รับฟังการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างสนพระราชหฤทัย หากคนไข้รายใดจำเป็นต้องไปรักษาในโรงพยาบาลที่กรุงเทพมหานคร ก็ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารไปติดตามเยี่ยมคนไข้ ถวายรายงานอย่างสม่ำเสมอ โดยมีพระราชเสาวนีย์ว่า “ให้ปฏิบัติต่อคนไข้เสมือนเป็นญาติ”
ที่มาข้อมูล : -เอกสารพระแม่แห่งสยาม นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา 12 สิงหาคม 2552 สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรและเว็บไซต์สำนักงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน
