ด้วยสายพระเนตรยาวไกลของ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ได้มีการจัดตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เพื่อยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยให้ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นส่งเสริมและฟื้นฟูการผลิตสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านทั่วทุกภูมิภาค เมื่อถึงยุคสมัยของ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” จึงถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญยิ่ง ที่จะทรงเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท พัฒนาต่อยอดส่งเสริมงานศิลปาชีพในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทรงใช้พลัง “ซอฟต์พาวเวอร์” เพื่อทำให้ชื่อเสียงของผ้าไทยและงานหัตถศิลป์ไทยขจรขจายไปไกลได้อย่างน่าภาคภูมิใจ


“สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ทรงสร้างคุณูปการแก่ประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีพระราชดำริให้มีการออกแบบเครื่องแต่งกายประจำชาติ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของชาติไทยขึ้นมาใหม่ โดยทรงประยุกต์มาจากแฟชั่นการแต่งกายของสตรีในราชสำนัก จนก่อกำเนิดเป็นชุดไทยพระราชนิยม 9 แบบคือ ชุดไทยเรือนต้น, ชุดไทยจิตรลดา, ชุดไทยอมรินทร์, ชุดไทยบรมพิมาน, ชุดไทยจักรี, ชุดไทยจักรพรรดิ, ชุดไทยศิวาลัย, ชุดไทยดุสิต และชุดไทยประยุกต์

“สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ทรงเป็นต้นแบบในการใช้ชุดไทยพระราชนิยมในพระราชวโรกาสต่างๆทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อปลุกให้ชื่อเสียงของผ้าไทยขจรขจายไปทั่วโลก โดยในคราที่ตามเสด็จ “พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ทรงเยือนสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆในยุโรป เมื่อปี 2503 พระองค์ทรงมีพระราชเสาวนีย์โปรดเกล้าฯให้ “มร.ปิแอร์ บัลแมง” ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส เป็นผู้นำผ้าไหมไทยไปออกแบบตัดเย็บฉลองพระองค์ ทั้งชุดไทยพระราชนิยม และชุดสากล โดยโปรดเกล้าฯให้ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดเตรียมฉลองพระองค์ทั้งหมด นอกจากจะถูกต้องตามธรรมเนียมตะวันตก และสมพระเกียรติในโอกาสเสด็จฯเยือนนานาประเทศเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีแล้ว ยังเป็นกุศโลบายสำคัญที่ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักความงดงามของผ้าไทย ในฐานะงานศิลป์ทรงคุณค่าอันแสนวิจิตรบรรจง

เมื่อถึงยุคสมัยของ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” ทรงเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” อย่างใกล้ชิด ในการทำทุกวิถีทางเพื่อสืบทอดมรดกล้ำค่าของไทยมิให้สูญสิ้นไปกับกาลเวลา อีกทั้งเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนไทย
ความงดงามของพระราชจริยวัตร อันเป็นเอกลักษณ์แห่งสุภาพสตรีไทย ได้ปรากฏสู่สายตาชาวโลก โดยหลายครั้งหลายคราทรงใช้พลัง “ซอฟต์พาวเวอร์” เพื่อทำให้ชื่อเสียงของผ้าไทยและงานหัตถศิลป์ไทยขจรขจายไปไกลได้อย่างน่าภาคภูมิใจ สมกับที่ทรงเป็นต้นแบบของ “ควีนยุคนิวนอร์มอล” ที่พร้อมเปล่งประกายสู่สายตาชาวโลก
“สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” ทรงปลุกกระแสผ้าไทยและงานหัตถศิลป์ไทยให้คึกคักมาอย่างต่อเนื่อง โดยทรงเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นชุดไทยพระราชนิยม และกระเป๋าทรงถือสไตล์รักษ์โลก ซึ่งตัดเย็บจากเศษผ้าไหมที่เหลือจากการตัดฉลองพระองค์ ทรงออกแบบเพื่อใช้สอยสำหรับการเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจในแต่ละวโรกาส เพื่อเป็นการลดปริมาณสิ่งของที่เหลือจากการตัดฉลองพระองค์ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการจัดการสิ่งของเหลือใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยใช้ทักษะด้านการออกแบบทางศิลปะมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถือเป็นพระราชนิยมที่มาจากแนวคิด “Zero Waste” ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมปักซอยไหมน้อย ลายรวงข้าว, ผ้าไหมปักซอยไหมน้อย ลายกอบัว, ผ้าไหมปักซอยไหมน้อย ลายดอกเล็บมือนาง, ผ้าจกไหม ลายข้าวหลามตัด, ผ้าขิดสลับหมี่ ลายกาบแก้วบัวบาน, ผ้าไหมมัดหมี่ ลายหมี่วงอุ้มโคม, ผ้าภูษาไหมยกดอก ลายพุ่มข้าวบิณฑ์, ผ้าภูษาไหมยกดอก ลายดอกดาวเรืองถมเกสร, ผ้าไหมแพรวาลายเกาะ และผ้าไทยภูเขาชนเผ่าม้ง ก็ล้วนแต่ได้รับการชุบชีวิตให้กลับมาโลดแล่นเป็นที่ประจักษ์ในความงดงามอีกครั้ง

“สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” ทรงเลือกฉลองพระองค์ชุดไทยพระราชนิยมได้อย่างสง่างามเหมาะกับพระราชวโรกาสต่างๆ รวมถึงการเสด็จออกทรงรับพระราชอาคันตุกะน้อยใหญ่จากนานาประเทศ ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
เอกลักษณ์ความงดงามแห่งสุภาพสตรีไทยเปล่งประกายสู่สายตาชาวโลก จนเป็นที่กล่าวขวัญอย่างมาก ในวโรกาสที่ตามเสด็จฯ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เยือนราชอาณาจักรภูฏาน เมื่อวันที่ 25-28 เมษายน 2568 ซึ่งถือเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัชสมัย โดยได้รับการถวายพระเกียรติอย่างสูงสุดจากราชวงศ์ภูฏาน


เช่นเดียวกับเมื่อครั้งตามเสด็จฯ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ไปร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ “สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่สามแห่งสหราชอาณาจักร” ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อกลางปี 2566 “สมเด็จ พระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” ก็ทรงได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากกับภาพลักษณ์อันสง่างามในชุดไทยพระราชนิยม ที่ถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งสุภาพสตรีไทยให้เป็นที่ตราตรึงของชาวโลก
พระอัจฉริยภาพและพระปรีชาชาญทางด้านแฟชั่นของ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูอนุรักษ์ผ้าไทยและชุดไทยประจำชาติ จนก่อเกิดเป็นโครงการหลวงต่างๆ ที่ช่วยให้สมบัติล้ำค่าของประเทศยังคงเป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ

เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระบรมราชชนนี พันปีหลวง “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” จึงทรงส่งเสริมและฟื้นฟูผ้าไทยและชุดไทยอย่างจริงจัง โดยทรงเป็นต้นแบบในการใช้ “ชุดไทยพระราชนิยม” ในพระราชวโรกาสต่างๆอย่างสร้างสรรค์ ทรงทำทุกวิถีทางเพื่ออนุรักษ์งานหัตถศิลป์อันล้ำค่าของชาติ ด้วยทรงตระหนักรู้ถึงคุณค่าของความเป็นไทย อันเป็นมรดกที่สืบทอดมาแต่ครั้งโบราณกาล

“...ข้าพเจ้ามีความตั้งมั่นที่จะสนองพระเดชพระคุณ พระมหากรุณาธิคุณ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานแห่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เหมือนดังที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด และแผ่ขยายพระบารมีแห่งสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี...” พระราชดำรัสดังกล่าวของ “สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี” สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นในการแบ่งเบาพระราชภารกิจของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ในฐานะองค์ราชินีคู่บัลลังก์.
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่