พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯไปทรงเปิด 2 ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต-วชิรธำรง” บนถนนเจริญกรุง ถนนสายมังกรแห่งแรกของไทย ที่จัดสร้างในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และร่วมฉลองครบ 50 ปีแห่งสัมพันธภาพระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะเป็นหมุดหมายแห่งใหม่ที่สำคัญของประเทศในด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
วันที่ 25 มกราคม เวลา 17.12 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต 72 พรรษา” บริเวณสะพานดำรงสถิต และทรงเปิดซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง 72 พรรษา” โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ภายใต้โครงการ “เบญจกตัญญุตา บารมีแห่งมังกรสยาม” บริเวณห้าแยกหมอมี ถนนเจริญกรุง กทม. ซึ่งถือเป็นถนนสายมังกรแห่งแรกของประเทศไทย
เมื่อเสด็จฯถึงบริเวณมณฑลพิธี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยฯ, ประธานสภาองค์การเด็กและเยาวชนฯ และประธานมูลนิธิเกียรติร่วมมิตรเพื่อการศึกษา ในนามประธานคณะกรรมการดำเนินงานจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ ไทย นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้า ไทย-จีน ฯลฯ เฝ้าฯรับเสด็จ ทั้งนี้ตลอดสองฟากฝั่งบนถนนเจริญกรุงตั้งแต่บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต 72 พรรษา” ไปจนถึงซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง 72 พรรษา” มีประชาชนชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนักท่องเที่ยวนานาชาติ เฝ้าฯ รอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น
เมื่อเสด็จฯถึงพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ถวายศีล จากนั้น คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานจัดงาน กราบ บังคมทูลถึงการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ใช้เวลาเพียง 6 เดือน และเป็นสถาปัตยกรรม ซึ่งรังสรรค์โดยการผสมผสานทางศิลปวัฒนธรรมชั้นสูงของอารยธรรมไทย-จีน และเป็นโอกาสครบ 50 ปีแห่งสัมพันธภาพระหว่างราชอาณาจักรไทย กับสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลสาธารณรัฐ ประชาชนจีน โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้ร่วมเทิดพระเกียรติด้วยการมอบประติมากรรมมงคล ช้าง สิงห์ และกลอง แกะสลักจากหินอ่อนหยกขาว “ฮั่นไป๋ยู่” มาประดิษฐานบนฐานปัทม์อันเป็นศิลปกรรมไทย ซึ่งออกแบบโดยกรมศิลปากร สะท้อนความมั่นคง-ยั่งยืนแห่งสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซุ้มประตูนี้จะเป็นหมุดหมายแห่งใหม่ที่สำคัญของประเทศในด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากพลับพลาพิธีไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต 72 พรรษา” และ “วชิรธำรง 72 พรรษา” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เมื่อเสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก จากนั้น พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปทรงกราบหน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เสด็จออกจากห้องประทับรับรองไปยังที่ฉายพระบรมฉายาลักษณ์หน้าซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต 72 พรรษา” ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี คณะกรรมการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ และผู้สนับสนุนโครงการบริเวณหน้าซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรสถิต 72 พรรษา”
หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง เสด็จฯไปถึงหน้าวัดมังกรกมลาวาส พระคณาจารย์จีนธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาส นำบรรพชิตจีน 73 รูป สวดถวายพระพร และทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย และของที่ระลึก ก่อนจะเสด็จฯไปยังห้องประทับรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธยและพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึกของวัดมังกรกมลาวาส เสด็จออกจากที่ประทับรับรองประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่งไปยังซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ “วชิรธำรง 72 พรรษา” โดยมีคณะนักร้องเยาวชนขับร้องเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ถวายการรับเสด็จ ก่อนเสด็จฯกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติ สร้างความปลื้มปีติให้แก่คณะผู้จัดงานอย่างหาที่สุดมิได้
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
