“...ในหลวงจะไม่มีวันทิ้งคนไทย พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะทำทุกอย่างเพื่อคนไทย”...จากวันนั้นจนวันนี้เสียงยังดังกึกก้องไปทั่วทั้งแผ่นดิน ดุจคำมั่นสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงให้ไว้กับประชาชนคนไทยทุกคน เพราะเราทุกคนคือคนไทยเหมือนกัน

ยามใดที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าขอให้นึกถึงพระราชดำรัสล้ำค่าของ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ที่พระราชทานไว้อย่างน่าซาบซึ้งใจ ...“อย่างที่บอกว่าประชาชนมีความสุข ประเทศมีความมั่นคง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัญหาต้องมี อุปสรรคต้องมีเสมอ แต่ถ้าเรามีความมั่นคงมีความอยากให้ประชาชนมีความสุข มีทัศนคติที่ดี ประชาชนก็มีความสุข พวกเราก็มีความสุข เพราะเราก็คือประชาชน...”

สายธารแห่งพระเมตตาหลั่งไหลไม่หยุด ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน, ดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือไปจนถึงภาคใต้ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน, บาดเจ็บ และเสียชีวิต รวมถึงเกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี, ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับหน่วยราชการในพระองค์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรม ราชูปถัมภ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมนำสิ่งของพระราชทานไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน อีกทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน และจัดรถครัวสนามปรุงอาหารให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ประสบภัยต่างๆ

เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่เริ่มคลี่คลาย จำเป็นต้องฟื้นฟูและทำความสะอาดบ้านเรือนที่มีดินโคลนไหลมากับน้ำทับถมเป็นจำนวนมาก ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบให้แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎร ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน, วัด, ถนน, สถานที่ราชการ และที่สาธารณประโยชน์ต่างๆ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

นอกจากนี้ยังมีพระมหากรุณาธิคุณถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตสาธารณะ โดยทรงรับจิตอาสาที่ได้รับบาดเจ็บไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการศพแก่จิตอาสาที่เสียชีวิต และพระราชทานทุนการศึกษาแก่บุตรของจิตอาสาที่เสียชีวิต

ทั้งนี้ ได้มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัย ตลอดจนมีพระราชกระแสทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจแก่จิตอาสาทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ, ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต่างเสียสละกำลังกาย, กำลังปัญญา และกำลังทรัพย์ มาร่วมกันปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย โดยต่างร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มกำลัง ทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เป็นไปตามพระราชปณิธานของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ในการให้ทุกคนมีจิตอาสา พร้อมที่จะเสียสละ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถทำให้สถานการณ์รุนแรงคลี่คลายลงตามลำดับ

ด้วยทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก ที่อยู่ในสถานการณ์อุทกภัยร้ายแรง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี” ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็ก เพื่อมอบแก่เด็กในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ โดยทรงสกรีนถุงพระราชทานสำหรับเด็กและทรงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนสิ่งของจำเป็นต่างๆลงถุงพระราชทานสำหรับเด็กด้วยพระองค์เอง มีอาทิ ตุ๊กตาผ้าห่ม, เป้อุ้มเด็ก, นมผง, อาหารเด็ก, ผ้าอ้อมสำเร็จรูป, สำลี, ฟองน้ำเช็ดตัว, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ซักล้างสำหรับเด็ก โดยจัดพระราชทานสำหรับเด็กตั้งแต่แรกเกิด ถึงอายุ 2 ขวบ เพิ่มเติมจากถุงพระราชทานทั่วไป

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงห่วงใยในสุขภาพและพลานามัยของพสกนิกรชาวไทยยิ่ง นอกจากจะพระราชทานขวัญและกำลังใจให้ประชาชนคนไทย ยังทรงนำพาคนไทยและประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยดี โดยได้พระราชทานพระบรมราโชบายในการดำเนินมาตรการต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย และเมื่อทรงคาดการณ์ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะไม่จบลงในเร็ววัน ก็ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์อีกหลายพันล้านบาท เพื่อใช้จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ สำหรับรองรับสถานการณ์วิกฤติในอนาคต

ตั้งแต่การแพร่ระบาดระลอกแรก เมื่อต้นปี 2563 ได้พระราชทานพระบรมราโชบายให้เร่งจัดหาเครื่องช่วยหายใจอย่างทั่วถึง ภายใต้โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน โดยโปรดให้ประสานความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตจากสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเครื่องช่วยหายใจกำลังขาดแคลนอย่างหนัก และเป็นที่ต้องการอย่างมากของชาวโลก ขณะเดียวกันยังมีพระราชดำริให้สร้างห้องตรวจหาเชื้อแบบเหมาะสมกับพื้นที่ โดยโปรดให้เอสซีจีดำเนินการสร้างห้องตรวจหาเชื้อพระราชทาน Modular Swab Unit ให้แก่โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเสริมความพร้อมหากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ อีกทั้งพระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย จำนวน 36 คัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิดเชิงรุก โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการค้นหาผู้ป่วย ณ จุดที่มีการแพร่ระบาดได้อย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้ยังพระราชทานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ จำนวน 5 คัน สำหรับใช้งานคู่กับรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย และพระราชทานรถ X-ray Digital mobile จำนวน 2 คัน เป็นรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัลคันแรกในประเทศไทย ที่มีระบบ AI สามารถส่งข้อมูลผู้ป่วยผ่านสัญญาณ 5G เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์อาการของผู้ป่วยด้วยจอมอนิเตอร์ ช่วยลดการสูญเสียผู้ป่วยที่ติดเชื้อลงปอดได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงเท่านี้ ได้พระราชทานเครื่องเอกซเรย์แบบเคลื่อนที่ จำนวน 30 เครื่อง เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของโรงพยาบาลสนาม อีกทั้งพระราชทานห้องความดันลบและห้องความดันลบแบบเคลื่อนที่ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆในพื้นที่เสี่ยงสูงเพื่อรับมือสถานการณ์คนไข้ติดเชื้อโควิดที่อาการหนัก

เมื่อได้พระราชทานรถพยาบาลกู้ชีพฉุกเฉิน จำนวน 8 คัน เพื่อใช้กู้ชีพช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในพื้นที่ทุรกันดารที่เข้าถึงได้ยาก ด้วยทรงเล็งเห็นว่าการแพร่ระบาดในพื้นที่เรือนจำอาจยับยั้งได้ยาก จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือการแพทย์ให้กับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ผ่านโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สำหรับนำไปป้องกันและแก้ไขปัญหา เพื่อยับยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำทั่วประเทศ อีกทั้งเพิ่มศักยภาพในการรักษาผู้ต้องขังให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกรมราชทัณฑ์

ด้วยทรงทราบถึงความทุกข์ร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงมีพระราชดำริให้จัดทำ “ถุงพระราชทานกำลังใจ” เป็นตัวแทนสายธารความรักความห่วงใยส่งไปถึงประชาชนคนไทย ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศ ที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19

นอกจากจะทรงห่วงใยในสุขภาพพลานามัยของคนไทย ยังเล็งเห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประชาชนหลากหลายอาชีพ จึงได้พระราชทานโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ ต้านภัยโควิด-19 และโปรดเกล้าฯให้ใช้พื้นที่โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จำนวน 30 ฟาร์ม ในพื้นที่ 17 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อเป็นแหล่งสร้างอาหารที่ปลอดภัย, แหล่งสร้างรายได้ และแหล่งสร้างอาชีพที่ยั่งยืน ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ตกงานในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ใหญ่

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทรงคำนึงถึงประโยชน์สุขของประเทศชาติเป็นสำคัญ เพราะพระราชปณิธานสูงสุดของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” คือการคืนความสุขสงบให้ประชาชนคนไทย โดยทรงยึดถือคำมั่นสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์...ในหลวงจะไม่มีวันทิ้งคนไทย พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะทำทุกอย่างเพื่อคนไทย.


ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่