พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขณะที่สมเด็จพระสังฆราช มีพระดำรัสถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้านภาครัฐผลึกกำลังร่วมดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกรับ-ส่งประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่มีการจัดกิจกรรมตลอดเดือน ก.ค.นี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงประกอบพระราชพิธี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567
เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศลฯ
เมื่อเวลา 17.18 น. วันที่ 27 ก.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จ พระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ โดยเสด็จในการนี้ด้วย
ทรงสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิ
ครั้นเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้น บูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารคู่พระบรมอัฐิ และพระอัฐิ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามงกุฎวิทยมหาราช สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดช วิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา และทรงจุดธุปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี
พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย กราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า สมเด็จพระศรีสุลาลัย (พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ 3) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามงกุฎวิทยมหาราช สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระมหิตลา ธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งประดิษฐานที่พระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร จากนั้น พระสงฆ์ 27 รูป สวดพระพุทธมนต์จบแล้ว พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปปักที่จงกลธรรมาสน์
เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ถวายพระธรรมเทศนา
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สำหรับพระบรมอัฐิและพระอัฐิ ทรงธรรม ทรงศีล สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ถวายศีล และถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง “ทุลลภธรรมกถา” จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตร จำนวน 2 เที่ยว เที่ยวละ 14 ไตร พระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์ และถวายพระธรรมเทศนา สดับปกรณ์พระบรมอัฐิ และพระอัฐิเสร็จแล้ว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา แล้วเสด็จฯไปทรงกราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวารคู่พระบรมอัฐิ และพระอัฐิ สมเด็จพระบรมราชบุพการี ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา และทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
สมเด็จพระสังฆราชถวายพระพร
วันเดียวกัน สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพรความว่า “เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงน้ำจิตมุทิตาปราโมทย์ และถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ เสด็จสถิตในพระราชสถานะพระประมุข เป็นศรีสง่าแห่งอาณาประชาราษฎร ทรงรับพระราชภาระหน้าที่บำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วย “ตบะ” อันหมายถึงกุศลสมาทาน ตามแบบบัญญัติแห่งราชธรรม สอดคล้องต้องด้วยหลักพระพุทธศาสนา อันการทำหน้าที่ของพระราชานั้น ย่อมได้แก่การครองแผ่นดิน สอดส่องดูแลอาณาราษฎร คอยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดุจมารดาบิดาถนอมเลี้ยงบุตร ไม่ย่อหย่อน ละทิ้ง หรือว่างเว้น ดั่งคาถาบทหนึ่งแสดงว่า พระอาทิตย์มีตบะส่องแสงในกลางวัน พระจันทร์มีตบะส่องแสงในกลางคืน เป็นต้น เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่ ย่อมได้ชื่อว่าเป็น “ผู้บำเพ็ญตบะ” เมื่อปฏิบัติหน้าที่สำเร็จด้วยดี ย่อมเป็น “ผู้มีตบะ” ปรากฏเกียรติยศลือชาสง่างาม เป็นที่ยำเกรงผู้คนพากันสรรเสริญว่าถึงพร้อมด้วย “ตบะเดชะ” เป็นคุณาลังการอันวิจิตรยอดเยี่ยม
ขอทรงเจริญพระชนมสุขสิริสวัสดิ์
สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธาน สืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริ พระราชจริยวัตร ตลอดจนพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระบรมราชบุพการี เพื่อให้บ้านเมืองไทยประสบความเกษมสวัสดิ์ บังเกิดประโยชน์สุข สำเร็จแก่มหาชนใต้ร่มพระบารมี ทรงแผ่พระมหากรุณาธิคุณไปโอบอุ้มคุ้มครองพสกนิกรทั่วหน้า นับว่าได้ทรงกระทำตามหน้าที่ สมพระขัตติยชาติและสมความเป็นสัตบุรุษคนดี ผู้พากเพียรแผดเผากิเลส ทรงข่มพระราชหฤทัย ยืนหยัดดำรงพระองค์ รับพระราชภาระหน้าที่อย่างอดทน เข้มแข็ง และมั่นคง ตามพระราชอุดมการณ์ที่ทรงสมาทานไว้ โดยมิหวั่นไหวสะทกสะเทือนด้วยกระแสโลกธรรม ต้องตามนัยแห่งภาษิต ใน “มหาสุตโสมชาดก” ความว่า “พระราชาผู้เอาชนะคนไม่ควรชนะ ไม่ชื่อว่าพระราชา, เพื่อนผู้เอาชนะเพื่อน ไม่ชื่อว่าเพื่อน ฯลฯ บุตรผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดาผู้แก่เฒ่า ไม่ชื่อว่าบุตร, สภาที่ไม่มีสัตบุรุษ ไม่ชื่อว่าสภา, ผู้ไม่พูดเป็นธรรม ไม่ชื่อว่าสัตบุรุษ, ส่วนผู้สงบจากราคะ โทสะ โมหะ พูดเป็นธรรมะ ย่อมชื่อว่าสัตบุรุษคนดี” ด้วยประการฉะนี้ ณ มหา มงคลสมัยพิเศษแห่งพระชนมพรรษา ขอเดชานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนพระราชกุศลธรรมจริยา ที่ทรงสั่งสมมาด้วยดี โปรดอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐให้ทรงเจริญพระชนมสุขสิริสวัสดิ์ สรรพพิบัติ อุปัทวัน ตรายอย่าได้พ้องพานพระยุคลบาท จงทรงเรืองรองโอภาสด้วยพระราชธรรมบารมี ประดุจดวงวชิระอันผ่องใส แผ่พรรณรังสีแห่งทศมรัชสมัย ส่องใจมหาชนชาวไทยให้เอิบอาบปลาบปลื้มอยู่เสมอไป ตลอดกาลเป็นนิตย์เทอญ
พระราชพิธีสำคัญตั้งแต่เช้า
สำหรับวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชพิธีและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติตั้งแต่เช้า โดยเวลา 06.35 น. พิธีขบวนอิสริยยศ เชิญน้ำพระพุทธมนต์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ต่อด้วยเวลา 07.00 น. ที่บริเวณท้องสนามหลวง มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล จากนั้นเป็นพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน
ในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม
จากนั้น เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคมทรงรับการถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรม มหาราชวัง และเวลา 12.00 น. 3 เหล่าทัพยิงสลุตหลวง หน่วยละ 21 นัด ลำดับถัดมา เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทรงตั้งสมณศักดิ์จีน ญวน และพระสงฆ์ จากนั้น เวลา 17.30 น. มีพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม ณ บริเวณท้องสนามหลวง และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ในเวลา 19.19 น. ซึ่งส่วนภูมิภาค จังหวัดต่างๆ มีการจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันนี้ทั่วประเทศ
รับการถวายพระพรจากทูตานุทูต
จากนั้นในวันทีี่ 29 ก.ค. เวลา 10.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลเลี้ยงพระเทศน์มงคลวิเศษ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง และในวันที่ 30 ก.ค.เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคลจากคณะทูตานุทูตและผู้แทนฝ่ายกงสุลที่มาเฝ้าฯ ถวายพระพร
เปิดลงนามถวายพระพร
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้จัดที่สำหรับลงพระนามและลงนามถวายพระพรไว้ที่ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. อนึ่ง เนื่องในการพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน เข้ากราบบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ปราสาทพระเทพบิดร ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น.
รบ.จัดกิจกรรมฯตลอด ก.ค.
ส่วนที่กรมประชาสัมพันธ์ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงการณ์อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในงานพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และพิธีจุดเทียนถวายพระพร ชัยมงคล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ว่ารัฐบาลจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ตลอดเดือนกรกฎาคม 2567 ประกอบด้วยการจัดทําน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีพิธีพลีกรรมตักนํ้าจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จากทุกจังหวัดมาประกอบพิธีเสกน้ำ เวียนเทียนสมโภชในแต่ละจังหวัด ก่อนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ดังกล่าวมาเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย และมีขบวนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัด พระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เพื่อทำพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีขบวนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 28 ก.ค. เวลา 06.00 น.
จัดรถ ขสมก.รับส่งฟรี
ส่วนการอำนายความสะดวกด้านการเดินทางของประชาชนที่มาร่วมงาน กระทรวงคมนาคมจัดรถโดยสารสาธารณะให้บริการฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทางไปร่วมเฝ้าทูล ละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัย มงคล พิธีเห่เรือพระราชพิธี และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากจุดต่างๆ เพื่อมายังบริเวณการจัดงาน ณ ท้องสนามหลวง ทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำ ดังนี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถโดยสารเฉพาะกิจให้บริการฟรี (จอดรับ-ส่งทุกป้าย) ในวันที่ 28-29 กรกฎาคม 2567 ให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00-21.00 น. หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่ 1. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพญาไท)-สนามหลวง : จอดรับ-ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา 2.สายใต้ใหม่-สนามหลวง : จอดรับ-ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา 3.หมอชิต 2-สนามหลวง : จอดรับ-ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา 4.วงเวียนใหญ่-สนามหลวง : จอดรับ-ส่ง บริเวณตรงข้ามศาลฎีกา 5.เดินรถเป็นวงกลม เส้นทางสนามหลวง-ท่าช้าง-ท่าเตียน
บริการเรือข้ามฟากไป-กลับ
ขณะที่กรมเจ้าท่าจัดบริการเรือข้ามฟากและเรือด่วนอำนวยความสะดวกประชาชน ในวันที่ 28-29 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 15.00 น. จนกว่าจะแล้วเสร็จ บริการเรือข้ามฟาก : ไป-กลับ ระหว่างท่าเรือวัดระฆังฯ (ฝั่งธน)-ท่าเรือท่าช้าง บริการเรือโดยสาร : กรมเจ้าท่า ร่วมกับบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด บริการเรือฟรีรับส่งประชาชน ไป-กลับท่าเรือสาทร-ท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือราชินี-ท่าเรือท่าเตียน
ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทยจัดรถไฟขบวนรถพิเศษโดยสาร 3 เส้นทาง ให้บริการฟรี ในวันที่ 28 ก.ค.ได้แก่ เส้นทางที่ 1 : สถานีอยุธยา-สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยออกจากสถานีอยุธยา เวลา 13.35 น. และออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 22.20 น. เส้นทางที่ 2 : สถานีฉะเชิงเทรา-สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยออกจากสถานีฉะเชิงเทรา เวลา 13.30 น. และออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 22.25 น. เส้นทางที่ 3 : สถานีนครปฐม-สถานีธนบุรี โดยออกจากสถานีนครปฐม เวลา 14.00 น. และออกจากสถานีธนบุรี เวลา 22.00 น.
ชวนชม “ลมหายใจของแผ่นดิน”
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 67 จ.บุรีรัมย์ โดยความร่วมมือทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 28-30 ก.ค. มีการแสดงแสง สี เสียงระดับโลก เปิดให้ประชาชนสามารถเข้าร่วมฟรี ที่สนามช้างอารีนา อ.เมืองบุรีรัมย์ เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ไฮไลต์ของงานคือการแสดงมิวสิคัลชุด “ลมหายใจของแผ่นดิน” โดยเยาวชน จ.บุรีรัมย์ งานนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ร่วมแสดงบรรเลงเพลงจอมราชา ในตำแหน่งเป่าแซกโซโฟน ทั้งนี้ นายกฯขอเชิญชวนร่วมกิจกรรมครั้งนี้ รวมถึงร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติทั่วประเทศ
จัดแสดงกาพย์เห่เรือฯ
สำหรับกิจกรรมการซักซ้อมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อู่ทหารเรือธนบุรี เวลา 14.00 น. วันที่ 27 ก.ค. กองทัพเรือได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้อัญเชิญเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช จากอู่หมายเลข 1 อู่ทหารเรือธนบุรีกรมอู่ทหารเรือไปจอดผูกทุ่น ณ ท่าราชวรดิฐ เพื่อเตรียมจัดแสดงกาพย์เห่เรือประกอบแสง สี เสียง พร้อมทั้งจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ บริเวณพื้นที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย และอาคารราชนาวิกสภา ในระหว่างวันที่ 28 และ 29 ก.ค. เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
มีรถรับส่งวันละ 2 รอบ
สำหรับการจัดแสดงกาพย์เห่เรือเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ผูกทุ่น ประกอบกาพย์เห่เรือ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ณ ท่าราชวรดิฐ ระหว่างวันที่ 28 และ 29 ก.ค. แสดงวันละสองรอบ รอบละ 30 นาที แบ่งเป็นวันที่ 28 ก.ค. เวลา 15.00 น. และ 20.30 น. วันที่ 29 ก.ค. เวลา 17.00 น. และ 20.00 น. โดยประชาชนสามารถรับชมนิทรรศการ และกิจกรรมดังกล่าวได้บริเวณพื้นที่พระราชกิจวินิจฉัย และอาคารราชนาวิกสภา ตามวันและเวลาดังกล่าว โดยขอเชิญชวนประชาชนแต่งกายสุภาพโทนสีเหลืองร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน โดย ขสมก.จัดรถบริการรับ-ส่ง ประชาชนมายังสถานที่จัดงานบริเวณท่าราชวรดิฐ จำนวน 2 รอบ ดังนี้ รอบที่ 1 เวลา 13.00 น. ใน 2 เส้นทาง คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ท่าราชวรดิฐ และ เส้นทาง วงเวียนใหญ่-ท่าราชวรดิฐ และรับกลับเมื่อการแสดงจบ รอบที่ 2 เวลา 18.30 น. เส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ท่าราชวรดิฐ และเส้นทางวงเวียนใหญ่-ท่าราชวรดิฐ และรับกลับเมื่อการแสดงจบ
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
