สมาชิก
ในหลวง-ราชินี เสด็จพิธีสงกรานต์ บําเพ็ญพระราชกุศล แห่สาดนํ้าส่งท้ายคึก ถนนกลับ กทม.แน่น

ในหลวง-ราชินี เสด็จพิธีสงกรานต์ บําเพ็ญพระราชกุศล แห่สาดนํ้าส่งท้ายคึก ถนนกลับ กทม.แน่น

-ก+

แชร์ข่าว

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ ประจำปี 2566 ขณะที่ประชาชนพร้อมใจรักษาประเพณีเข้าวัด ทำบุญตักบาตร เสริมความเป็นสิริมงคลให้ชีวิต เนื่องในวันเถลิงศก ก่อนออกมาเล่นสาดน้ำอย่างสนุกสนานเต็มเหนี่ยวส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์ และมีบางส่วนทยอยเดินทางกลับจากภูมิลำเนาเข้ากรุง ส่งผลการจราจรบนถนนสายหลักกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม

เข้าสู่วันที่สามของเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2566 ในวันที่ 15 เม.ย.ถือเป็นวันเถลิงศก เริ่มต้นปีใหม่ของไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์

ในหลวง-ราชินีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล

เมื่อเวลา 10.39 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ เมื่อเสด็จฯ ถึงหอพระสุราลัยพิมาน ทรงพระสุหร่าย สรงพระพุทธรูปสำคัญต่างๆ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศ และทรงสรงพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นเสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระสยาม เทวาธิราช แล้วเสด็จฯไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศถวายราชสักการะ ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ทรงสรงน้ำพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ทั่วทุกพระโกศ ทรงกราบที่พระแท่นหน้าเครื่องราชสักการะ เสร็จแล้ว เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร รัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบ พระสงฆ์ถวายศีลและถวายพรพระ แล้วเสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนที่พนมข้าวบิณฑ์หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารแด่ประธานสงฆ์ ปิ่นโตภัตตาหารนอกนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชวงศ์ องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทรงประเคน และประเคนพระสงฆ์รูปต่อไป

ลำดับต่อมา เจ้าพนักงานเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และพระโกศพระอัฐิ ออกประดิษฐานบนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร และบนพระที่นั่งกง พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ แล้วเสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าคู่ถวายพระสงฆ์ จำนวน 3 เที่ยว เที่ยวละ 18 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา จากนั้น เสด็จฯ ไปทรงกราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร รัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 9 ทรงกราบพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ กลับ

ชาวพุทธแห่เข้าวัดทำบุญ

สำหรับบรรยากาศตลอดช่วงเช้าวันที่ 15 เม.ย.พุทธศาสนิกชนต่างเข้าวัดทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ตามประเพณีของแต่ละท้องถิ่น เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต เนื่องในวันเถลิงศก เริ่มต้นปีใหม่ของไทย รวมถึงร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ที่มีการจัดขบวนแห่ไปรอบเมืองให้ประชาชนได้สรงน้ำ อาทิ ที่วัดเชตวัน หรือวัดพระนอน อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ชาวพุทธจากทุกสารทิศนำเอาข้าวของมาร่วมทำบุญที่วัด ส่วนที่บริเวณสวนสาธารณะหนองจองคำ หน้าวัดจองคำ วัดจองกลาง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนชุมชนต่างๆ รวมทั้งนักท่องเที่ยว ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์สามเณร จำนวน 75 รูป เช่นเดียวกับที่วัดโลกโมฬี อ.เมืองเชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวพากันเข้าวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ที่ล่วงลับ สรงน้ำพระพุทธรูป และถวายตุง 12 ราศี หรือตุงนักษัตรเป็นพุทธบูชาปักลงบนเจดีย์ทรายเพื่อสะเดาะเคราะห์และเป็นสิริมงคลกับตัวเอง ขณะที่วัดโภคาภิวัฒน์ ต.บางน้ำเชี่ยว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ชุมชนไทยพวนบ้านโภคาภิวัฒน์ จัดพิธีสรงน้ำพระพุทธรูปสำคัญประจำวัด และสรงน้ำพระสงฆ์ผ่านรางไม้สักอันเป็นประเพณีเก่าแก่สืบทอดกันมานานกว่า 100 ปี

ต่างชาติร่วมก่อพระเจดีย์ทราย

ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ กทม.ที่มีการจัด “เทศกาลสงกรานต์ วิถีน้ำ วิถีไทย” เป็นวันที่สาม ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางมาร่วมทำกิจกรรมในวันสงกรานต์ตั้งแต่ช่วงเช้าต่อเนื่องตลอดทั้งวัน วัดได้เปิดพระอาราม ให้ประชาชนเข้าสักการะพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน สรงน้ำพระประจำวันเกิดสรงน้ำพระพุทธรูป เพื่อความเป็นสิริมงคล การขนทรายเข้าวัดก่อพระเจดีย์ ทราย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างมาก รวมทั้งการเดินเที่ยวชมการจำลองบรรยากาศแบบย้อนยุค การละเล่นพื้นบ้านไทย 4 ภาค การเล่น สะบ้า การแสดงทางวัฒนธรรมที่เน้นความสวยงามแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ความเป็นไทย

สนุกสนานเล่นสาดน้ำส่งท้าย

หลังเสร็จงานบุญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายไปยันดึกประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ออกมาเล่นสาดน้ำส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์และคลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดกว่า 40 องศาเซลเซียส ทำให้ตามคูคลองหนองบึง ริมแม่น้ำ แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติและริมเขื่อนต่างๆ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นสาดน้ำกันเนืองแน่น อาทิ จ.สระบุรี ประชาชนแห่ลงมาเล่นสงกรานต์บริเวณริมคลองชลประทานคลองเพรียว อ.เมืองสระบุรี อย่างแน่นขนัด ส่วนที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีนักท่องเที่ยวนำรถกระบะใส่ถังน้ำไว้ท้ายรถขับตระเวนเล่นสาดน้ำกันอย่างคึกคัก เริ่มจากถนนริมโขงสามแยกหน้าสถานี ตำรวจภูธรเชียงแสนไปถึงสามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงที่หาดริมโขงบ้านห้วยเกี๋ยง ต.เวียง นักท่องเที่ยวบางส่วนก็เลือกไปนั่งแช่น้ำในแม่น้ำโขง พร้อมสั่งอาหารมานั่งทาน และเล่นน้ำโขงเพื่อคลายร้อน

นทท.หลั่งไหลแน่นรอบคูเมือง

ส่วนที่รอบคูเมือง อ.เมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ รวมถึงคนเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงหลั่งไหลเข้ามาเล่นน้ำส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่เมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดทะลุ 40 องศาฯ จนถนนรอบคูเมืองทั้งสี่ด้านแน่นขนัดไปด้วยยวดยานสารพัดชนิดที่เข้ามาเล่นสาดน้ำจนชุ่มฉ่ำ คาดว่ามีประชาชนนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่รอบคูเมืองกว่า 20,000 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความสนุกสนาน รวมไปถึงบริเวณถนนท่าแพ ถนนมณีนพรัตน์ และถนนช่างหล่อ ที่บรรยากาศส่งท้ายสงกรานต์ปีนี้คึกคักไม่แพ้กัน

ภาคตะวันออกเริ่มงานวันไหล

ขณะเดียวกัน ในจังหวัดภาคตะวันออก เริ่มเทศกาลวันไหลที่จะมีขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ที่เทศบาลเมืองขลุง อ.ขลุง จ.จันทบุรี มีการจัดขบวนแห่อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากองค์กรต่างๆ อาทิ ลุงมูลนิธิ มูลนิธิศาลหลักเมืองขลุง อัญเชิญท่านฮุดโจ้ว เจ้าหลักเมืองขลุง เทพเจ้าปึงเถ่ากง ขึ้นขบวนรถวัดพระหฤทัยขลุง ได้อัญเชิญองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ขึ้นรถเข้าร่วมขบวน ขณะที่วัดต่างๆ ในพื้นที่มีการ อัญเชิญรูปหล่อเหมือนพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในพื้นที่ขึ้นรถเข้าร่วมขบวน อาทิ หลวงพ่อคง ท่านพ่อสีนวล หลวงพ่อจิ่น หลวงพ่อพูล พร้อมประดับตกแต่งด้วยดอกไม้งดงามตระการตา พาแห่ไปตามถนนเทศบาล สาย 5สาย 4 เลี้ยวกลับมาสาย 1 เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำกราบไหว้ขอพร

ตำรวจเข้มเล่นน้ำข้าวสาร

ส่วนที่ถนนข้าวสาร กทม.ที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์เป็นวันสุดท้ายเช่นกัน พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า คาดว่าผู้ที่มาเที่ยวสงกรานต์อาจจะเล่นอย่างสนุกสนานเต็มที่ ช่วงที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมากคือในช่วงเวลา 17.00 น.เป็นต้นไป และได้เสริมกำลังตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน (คฝ.) อีก 1 กองร้อย วางกำลังเป็นจุดให้เข้าระงับเหตุได้ หากมีเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น

ซิว 2 ต่างด้าวทรงโจร

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 (ตำรวจท่องเที่ยวกรุงเทพ) นำกำลังจับกุมนายเต่า วัณเดช อายุ 25 ปี ชาวลาว และนายออง แทต พิถู่ อายุ 19 ปี ชาวเมียนมา ขณะทั้งคู่เดินปะปนอยู่กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเล่นน้ำสงกรานต์ ในซอยพัฒน์พงศ์ 1 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. ตรวจสอบไม่พบหนังสือเดินทาง แจ้ง ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่ง สน.บางรัก พ.ต.ท.ขวัญพลกล่าวว่า สั่งการให้ชุดสืบสวนสอดส่องดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่จะมาเล่นน้ำสงกรานต์ พร้อมจับตาบุคคลที่เข้าข่ายจะก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยว เน้นพฤติการณ์จะเดินมาคนเดียว ไม่มีอุปกรณ์เล่นน้ำ กระทั่งจับกุมชาวต่างด้าวทั้ง 2 คนนี้ได้

3 จังหวัดแชมป์ตายรายวัน

วันเดียวกัน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 (ศปถ.) นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เม.ย.วันที่สี่ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 368 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 44 ราย ผู้บาดเจ็บ 368 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ดื่มแล้วขับ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดบนถนนกรมทางหลวง ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 19.01-20.00 น. ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ น่าน 16 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ น่าน 16 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กทม. นครสวรรค์ และพิษณุโลก จังหวัดละ 3 ราย

4 วัน ยอดตายพุ่ง 158 ศพ

นายโชตินรินทร์กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,862 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 54,368 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 351,228 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 52,422 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 15,467 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 15,144 ราย สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-14 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุรวม 1,422 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 158 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,431 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช และน่าน จังหวัดละ 45 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 12 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 48 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 12 จังหวัด

คุมประพฤติกว่า 3.6 พันคดี

ด้านนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า ในวันที่ 14 เม.ย. มีสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติรวมทั้งสิ้น 334 คดี เป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 315 คดี คดีขับรถประมาท 1 คดี และคดีขับเสพ 18 คดี สำหรับยอดรวมสะสม 4 วัน ของ 7 วันอันตราย มีจำนวน 3,681 คดี จำแนก เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 3,462 คดี คิดเป็นร้อยละ 94.05 คดีขับรถประมาท 23 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.62 คดีขับซิ่ง 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.03 คดีขับเสพ 195 คดี คิดเป็นร้อยละ 5.3 โดยกรุงเทพมหานคร มีคดีเมาขับสูงสุดอันดับหนึ่ง 233 คดี รองลงมา นนทบุรี 204 คดี และร้อยเอ็ด 164 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติในวันที่ 4 ของ 7 วันอันตรายปี 2565 พบว่าคดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 492 คดี และปี 2566 จำนวน 315 คดีลดลง 177 คดี คิดเป็นร้อยละ 35.97

คนแห่เดินทางกลับกรุง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันที่ 15 เม.ย.เป็นต้นมา ถนนมิตรภาพช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จนถึง อ.มวกเหล็ก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี บริเวณช่วงถนนดังกล่าวเป็นเส้นทางลงเนินเขา กลางดง ลงเนินขาจัน รถต้องชะลอตัวช่วงลงเขา บวกปริมาณรถที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บริเวณถนนดังกล่าวเริ่มมีท้ายแถวยาวขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครราชสีมาต้องเปิดช่องทางพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกในการระบายรถ ตั้งแต่เวลา 13.50 น. เปิดช่องทางพิเศษขาเข้า กทม. ตั้งแต่ กม.39 ต.กลางดง อ.ปากช่อง ไปถึง กม.24 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย ระยะทาง 15 กม. อีกจุด กม.54 ทางขึ้นมอบันไดม้า ผ่านหน้าฟาร์มโชคชัย ไปออก กม.47 ต.กลางดง อ.ปากช่อง ระยะทาง 7 กม. ขณะเดียวกันเมื่อรถวิ่งเข้าสู่ถนนพหลโยธิน จากตัวเมืองสระบุรี รถเริ่มทำความเร็วได้บ้าง แต่ช่วงเย็นถึงค่ำ จำนวนรถเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

นครสวรรค์ขาล่องกลับมาแน่น

เช่นเดียวกับเส้นทางจากภาคเหนือ ที่ จ.นครสวรรค์ การจราจรบนถนนเส้นสายหลักเข้าสู่กรุงเทพมหานคร เริ่มมีประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางหลวงหมายเลข 117 นครสวรรค์-พิษณุโลก ช่วงแยกเข้าสู่ทางเลี่ยงเมืองมีปริมาณรถเริ่มหนาแน่นบางช่วงเวลารถสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างช้าๆ เนื่องจากมีรถบางส่วนเลือกที่จะใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวเลี้ยวขวาเข้าถนนเลี่ยงเมืองหมายเลข 122 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรที่แออัดในตัวเมืองนคร สวรรค์ ส่วนเส้นทางในตัวเมืองนครสวรรค์บริเวณแยกนวมินทร์ แยกพหลโยธิน และแยกเดชาติวงศ์ ยิ่งเย็นยิ่งมีปริมาณรถมากเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครสวรรค์ ต้องมาคอยอำนวยความสะดวกเปิดสัญญาณไฟจราจรให้สัมพันธ์กับปริมาณรถเพื่อให้รถเคลื่อนตัวได้ไม่แออัดจนเกิดท้ายสะสม

วอนรถเยอะอย่าวิ่งไหล่ทาง

ขณะที่ พ.ต.ต.เกียรติพร สวัสดิเทพ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า ในวันที่ 16-17 เม.ย.เจ้าหน้าที่ได้เตรียมเปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวนเลนบริเวณหลักกิโลเมตร 329-321 ตั้งแต่บริเวณเขาเขียวยาวไปจนถึงเขต อ.พยุหะคีรี เป็นระยะทางนับ 10 กม. เพื่อระบายรถเพิ่มอีก 1 ช่องทาง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเวลาเจอรถปริมาณมากไม่ควรวิ่งรถบนไหล่ทางเนื่องจากจะเป็นสาเหตุทำให้รถติดหนักมากขึ้น

สายเอเชียยวดยานเต็มถนน

ส่วนถนนสายเอเชีย ที่ผ่าน จ.อ่างทอง ตั้งแต่บริเวณ อ.ไชโย รอยต่อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ถึง อ.เมืองอ่างทอง รอยต่อ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา มีการจราจรหนาแน่นไม่แพ้กัน ตลอดเส้นทางมีรถยนต์เต็มทุกช่องทางทำให้ใช้ความเร็วได้ประมาณ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สลับหยุดนิ่ง มีการชะลอตัวเป็นระยะตามทางแยก ทางโค้งและตามคอสะพาน

แห่เข้าข้าวสารกว่า 4 หมื่นคน

ทั้งนี้ การเล่นสาดน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสารในค่ำคืนสุดท้าย ยังคงเป็นไปด้วยความคึกคักและสนุกสนานอย่างสุดเหวี่ยง โดยมีประชาชนที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมสนุกเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานและเนืองแน่นในถนนข้าวสารและพื้นที่โดยรอบ ทั้งถนนตะนาว ถนนจักรพงษ์ ซอยรามบุตรี และถนนตานี ท่ามกลางมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จากตำรวจ นครบาลและเจ้าหน้าที่เทศกิจ เขตพระนคร ที่ให้เดินทางเข้า-ออก ถนนข้าวสาร แบบทางเดียว เพื่อแก้ปัญหานักท่องเที่ยวแออัด ทั้งนี้ กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ถนนข้าวสาร คาดว่ามีคนเข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์วันสุดท้ายที่ถนนข้าวสารและพื้นที่โดยรอบไม่ต่ำกว่า 40,000 คน.