เนื่องด้วย “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา” ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ใน “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” จึงทรงสนิทสนมรักใคร่กับทูลกระหม่อมพ่อมาก ไม่เพียงจะทรงเป็นพระราชธิดาที่รู้พระทัยทูลกระหม่อมพ่อที่สุด แต่ยังเป็นความภูมิใจของทูลกระหม่อมพ่อ เพราะทรงถอดแบบในเรื่องความองอาจเข้มแข็ง และพระจริยวัตรงดงามน่าชื่นชม เป็นที่รักใคร่อย่างยิ่งของประชาชนชาวไทย
ภายหลังจาก “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2562 ได้ทรงสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์และเฉลิมพระนาม “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา” เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี” ต่อมาในวันที่ 28 ก.ค.2562 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ” ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน โดยมีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา”
“สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิรา เทพยวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้วยพระวิริยอุตสาหะ และพระกตัญญูกตเวทิตา ฉลองพระเดชพระคุณมาแต่รัชกาลก่อน สืบเนื่องมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ทรงปฏิบัติพระราชกิจแทนพระองค์ในหลายวาระ และทรงรับเป็นพระธุระในการส่วนพระองค์ ให้ดำเนินลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย แบ่งเบาพระราชภาระได้เป็นอันมาก เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย นอกจากนั้น ได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านสาธารณกุศลมาเป็นเวลานาน ผ่านมูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ซึ่งทรงรับเป็นประธานกรรมการ ทรงรับปฏิบัติงานที่คณะทูตถาวรแห่งประเทศไทย ประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก อีกทั้งทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านกฎหมาย ซึ่งทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่ง ทรงรับราชการในตำแหน่งอัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการสูงสุด ทรงก่อตั้งโครงการกำลังใจในพระดำริ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขัง นับว่าได้ทรงปฏิบัติงานสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกประการ สมควรที่จะสถาปนาพระเกียรติยศให้สูงขึ้นตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา กับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์”
ความรักความผูกพันระหว่างทูลกระหม่อมพ่อ และพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ เป็นที่ประจักษ์ชัดมาตลอด ทรงรักและทะนุถนอมพระราชธิดาองค์แรกอย่างที่สุด ดังที่ “ปารมี” ได้บรรยายพระจริยวัตรอันน่าชื่นชมนี้ไว้ในนิตยสารสกุลไทยว่า
“สมเด็จพระยุพราช ในฐานะ “พระราชบิดา” ของพระราชกุมารีน้อย ทรงเป็น “พระราชบิดา” ที่รักใคร่พระราชบุตรีเป็นที่ยิ่ง แม้เมื่อทรงเหน็ดเหนื่อยจากพระราชภาระทั้งหลาย เมื่อทรงกลับมาถึงพระที่นั่งอัมพรสถาน ได้ทรงอุ้มชูพระราชธิดาน้อย ก็จะทรงมีพระพักตร์แช่มชื่นเบิกบาน มิได้ทรงเหน็ดเหนื่อยเลย หากจะได้ทรงเข็นรถพระที่นั่งเล็กๆของพระราชธิดาไปตามสนามหญ้า ซึ่งความรักอย่างลึกซึ้งที่ทรงมีต่อพระราชกุมารีนี้ ได้เห็นประจักษ์กันทั่วไป เมื่อครั้งหนึ่งทรงพาพระราชธิดาออกงาน ที่มีผู้เฝ้าฯในโอกาสหนึ่ง ทรงจัดให้พระราชธิดาประทับข้างๆ เพื่อให้ทอดพระเนตรผู้มาเฝ้าฯ ซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์สีสันต่างๆ น่าจะเป็นที่สนใจของทารก แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ พระราชธิดาทรงดิ้นรนจะไปหาพระ ราชบิดาอยู่ตลอดเวลา จนต้องทรงอุ้มมาวางไว้ในพระเพลา พระราชธิดาจึงทรงหยุดและประทับนิ่งเฉยอยู่ในพระเพลา ทรงแลดูผู้มาเฝ้าทูลละอองพระบาทพระราชบิดา ด้วยสายพระเนตรอันแจ่มแจ๋ว บางครั้งก็ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นจ้องดูพระราชบิดาอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ซึ่งเป็นภาพที่น่าชื่นใจยิ่ง และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พระราชธิดาทรง “ติด” พระราชบิดาเพียงใด ดังนี้ ก็ประจักษ์กันแล้วว่า แม้จะทรงเคร่งขรึมเฉียบขาด แต่กับพระราชกุมารีน้อยแล้วก็ทรงละมุนละไมอ่อนโยน จนพระราชกุมารีรักเท่าเทียมพระราชมารดา แม้จะทรงมีพระราชกิจมาก จนมิอาจพระราชทานเวลาแก่พระราชธิดาได้เต็มที่”
เมื่อมีผู้กราบบังคมทูลฯ ถามว่า ในฐานะพระราชบิดา ทรงมีวิธีเลี้ยงดูพระราชธิดาองค์แรกอย่างไร ทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า “ก็รู้สึกว่ามีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติอย่างไร แต่ตอนหลังก็ดูจากที่ตัวเองเป็นลูกมาแล้ว ก็พ่อแม่ทำอย่างไร ก็พยายามเอาความรู้สึกอันนั้นมาใส่ ก็จากประสบการณ์และจากคำที่พ่อแม่สั่งสอนมาว่าควรจะเลี้ยงลูกอย่างไร ก็ถ่ายทอดมาว่าพ่อแม่มีความรู้สึกยังไง จากประสบการณ์ที่ได้ในฐานะเป็นเด็กว่าเป็นเด็กมีความรู้สึกอย่างไร พี่เลี้ยงคนไหนปฏิบัติถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง หรือมีวิธีต่างๆอย่างไร แล้วดูจากลูกคนอื่น และดูจากลูกของตัวเอง”
“ในการเป็นพ่อ เราก็อยากให้ลูกเค้าสมใจในสิ่งที่เค้าปรารถนา อยากให้เค้ามีโอกาสหรือมีความพร้อมที่จะดำรงชีวิตในวิถีทางที่เค้าเลือกในทางที่ดี อยากให้เค้ามีความพร้อมและโตขึ้นมาด้วยความมั่นใจสบายใจ ก็สรุปได้ว่าเค้าพร้อมที่จะเลือกชีวิตของเค้าในทางที่ถูกต้อง แล้วก็อยากให้เค้ามีความสุขตามที่เค้าเลือก”...ทรงเป็นพระราชบิดาที่มีแนวพระราชดำริทันสมัยและเพียบพร้อมไปด้วยความหวังดี
“ส่วนมากเข้มงวดเรื่องทางด้านสุขภาพ กินเป็นเวลา นอนเป็นเวลา ลูกต้องทานของที่เป็นประโยชน์ทางด้านร่างกายและสุขภาพ มีความสะอาดของร่างกาย สุขภาพอนามัย การออกกำลังกาย หรือการพัฒนาตามวัย ทางด้านจิตใจ ส่วนมากก็เรื่องกิริยามารยาทใดๆ ที่เด็กควรจะรู้ ก็พยายามติดตาม”...ทรงกำกับดูแลความเป็นอยู่ของพระราชธิดาอย่างเข้มงวด เพื่อให้เติบใหญ่ขึ้นโดยสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
“คนเรานี่เติบโตขึ้นมาเร็วมาก วันเวลาก็ผ่านมาเร็วมาก ฉะนั้นเวลาที่อยู่ในวัยเรียนก็ควรจะอุทิศเวลาให้แก่การศึกษาและการพัฒนาตนเองให้มากที่สุด การศึกษาทั้งในห้องเรียนและกิจกรรมนอกห้องเรียน เช่น เล่นกีฬา ดนตรี ตลอดจนปูพื้นฐานในการสร้างทักษะด้านงานอดิเรก ความรู้รอบตัวทั้งหลาย เคยบอกลูกว่าเวลาเที่ยวเตร่สนุกสนานมันไม่หนีไปไหนหรอก แต่เวลาที่เราจะมีโอกาสฝึกตนมีน้อย ดังนั้นก็ขอให้เตรียมตัวให้พร้อมในขณะที่การงานต่างๆยังไม่มี ความรับผิดชอบก็ยังไม่มี ร่างกายก็ยังแข็งแรง สมองสดใส ถ้าเผื่อตักตวงศึกษาทั้งในด้านวิชาการและในด้านความสามารถอื่นๆแล้ว เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะได้ผลจากที่เราลงทุนเอาไว้ ไม่ต้องมาคิดเสียดายว่าสายเกินไป”...ทรงให้ความสำคัญอย่างมากกับการเตรียมความพร้อมและวางรากฐานทางความคิดให้แก่พระราชธิดา
“อย่างลูกก็ใช้ชีวิตอย่างเด็กสามัญอยู่แล้ว ต่างกันที่ว่าเป็นลูกสมเด็จพระบรมฯ เป็นลูกเจ้าฟ้า ไม่ใช่เป็นลูกพระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นการพลีส หรือการใช้ชีวิตก็ใกล้กันกับบุคคลธรรมดามากกว่า เค้าก็ถูกสั่งสอนอบรมให้มีคุณภาพ มีกิริยามารยาทเป็นผู้ดี ให้เหมาะสมกับการเป็นลูกผู้ลากมากดี แต่ความอดทนการเรียนรู้ต่างๆ นี่เค้าจะต้องเรียนรู้เหมือนเด็กสามัญทั่วๆไป เพราะจากประสบการณ์ด้วยตัวเอง การเตรียมเด็กนี่ ถ้าเผื่อเราให้เค้ารู้การพึ่งตัวเองได้มากเท่าไหร่ การป้องกันตัวเองได้มากเท่าไหร่ การรู้จักเข้ากับเพื่อน คือมีน้ำใจ มีความอดทน มีกีฟว์แอนด์เทก คือรู้จักให้และรับ เค้าก็จะมีพื้นฐานในการคบเพื่อน สังคมเป็น คบเพื่อนทำอะไรเป็น และรู้ว่าอุปสรรคความลำบากต่างๆนั้นไม่ใช่สิ่งแปลก เป็นของธรรมดา เพราะในชีวิตที่บุคคลจะต้องเผชิญต่อความลำบากความไม่สมหวัง การโดนกลั่นแกล้งกีดกันต่างๆ เป็นของธรรมดา ไม่ว่าจะเกิดเป็นใคร ชาติไหน ภาษาไหน ก็เหมือนกัน ถ้าเกิดเค้ารู้จักอดทน รู้จักแก้ปัญหาตั้งแต่เด็ก ชีวิตมันก็จะเบาขึ้น”
“สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ” ทรงถือเป็นความภาคภูมิใจของ “ทูลกระหม่อมพ่อ” อย่างแท้จริง ไม่เพียงจะทรงเป็นพระราชวงศ์รุ่นใหม่ที่เป็นแบบอย่างในทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องความกตัญญู, ความเสียสละ และการทุ่มเทพระองค์เพื่อทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ยังทรงมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมไทย โดยเฉพาะผู้ต้องขังหญิงและเด็ก ให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และสามารถกลับมาดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ขณะเดียวกัน ทรงได้รับการยอมรับจากวงการระบบงานยุติธรรมโลก ในฐานะ “เจ้าหญิงนักกฎหมาย” ผู้ทรงมุ่งมั่นผลักดันส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมเพื่อประโยชน์สุขของสังคมและประเทศชาติ โดยทรงได้รับการทูลถวายตำแหน่งทูตสันถวไมตรีด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญาจากสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ พร้อมเดินสายเป็นตัวแทนประเทศไทยขึ้นกล่าวปาฐกถาบนเวทีใหญ่ๆระดับโลก
“การเลี้ยงลูกนั้นคงไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นอย่างไร ขอให้ดูที่ผลงานก็แล้วกัน” ...พระราชดำรัสดังกล่าวของ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” คงพอสะท้อนได้ดีถึงความภูมิใจที่ทรงมีต่อพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ผู้ทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ช่วยแบ่งเบาพระราชภาระได้เป็นอันมาก โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาทรงปฏิบัติงานสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกประการ สมกับที่ทรงได้รับการยกย่องเป็น “เจ้าหญิงแห่งปวงชนชาวไทย”.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
