“พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5” ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าไม่แพ้ชาติใดๆในโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง, การปกครอง, กฎหมายและการศาล, การสาธารณสุข, การคมนาคมและการสื่อสาร, การสาธารณูปโภค, การศึกษา, การศาสนา, ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของนานาอารยประเทศ โดยเฉพาะในด้านการศาสนา ทรงถือเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ทรงทำนุบำรุงศาสนาทุกศาสนา ให้มีความเจริญรุ่งเรืองนานัปการ ประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า
ถ้าจะกล่าวไปแล้ว “วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม” ถือเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกที่สำคัญที่สุดในรัชสมัยของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงพระราชศรัทธาสถาปนาไว้เป็นพระอารามประจำรัชกาลของพระองค์ ในฐานะวัดที่ 1 ในรัชกาลที่ 5 ก่อพระฤกษ์เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2412 โดยมี “พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร” ทรงเป็นเจ้าอาวาส ยุคที่หนึ่ง
ในโอกาสนี้ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถาวรวัตถุสถานสำหรับพระอารามอย่างงดงามวิจิตรด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชั้นเอก ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ในการสร้างและทำนุบำรุงในทุกรายละเอียด โดยเฉพาะในเขตพุทธาวาส ซึ่งมีไพทียกพื้นขึ้นเป็นสัดส่วน มีอาคารสำคัญประกอบด้วย พระอุโบสถ, พระเจดีย์, พระวิหาร, พระวิหารทิศ, พระวิหารคด และศาลาราย ล้วนแล้วแต่ประดับด้วยกระเบื้องเบญจรงค์เป็นเอกลักษณ์จำเพาะพระอาราม นอกไพทียังมีพลับพลา, ศาลา, ตึก และกำแพงพร้อมเสาสีมา เป็นสิ่งปลูกสร้างอันงดงามลงตัวอยู่โดยรอบ บ้างก็ได้รับพระราชทานสถาปนาขึ้นในรัชกาลที่ 5 บ้างก็ได้รับพระราชทานสถาปนาขึ้นในรัชกาลต่อๆมา กาลเวลาล่วงเลยทำให้พระอารามมีความชำรุดทรุดโทรม ซึ่งมีการปฏิสังขรณ์มาเป็นระยะ
ล่วงมาถึงรัชสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณารับโครงการบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม เนื่องในวาระ 150 ปี แห่งการสถาปนา ให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยต่อมา “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงรับดำรงตำแหน่งเป็นประธานกิตติมศักดิ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์สนับสนุนงบประมาณดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ต่อเนื่องให้แล้วเสร็จทั้งพระอาราม ภายในปี 2562 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ด้วยอำนาจแห่งพระราชศรัทธาและพระมหากรุณาเป็นปฐมเหตุ
ในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามครั้งนี้ ยังมีโครงการสนองพระราชดำริ “ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5” ตามที่พระราชทานไว้ว่าให้ช่องระหว่างหน้าต่างพระอุโบสถวัดราชบพิธกรุภาพศิลปะกระเบื้องโมเสก พรรณนาพระราชประวัติของพระองค์ ในฐานะที่เป็นพระอารามประจำรัชกาล น่าเสียดายยิ่งที่การมิทันลุล่วงในรัชสมัยของพระองค์
สืบเนื่องมาถึงรัชสมัยของ “พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงตั้งพระราชหฤทัยจะสืบสานพระราชดำรินี้ จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” ได้ทรงพระดำริผูกเป็นภาพ “พระคุณ 10 ประการ” แห่ง “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” เท่าจำนวนช่องผนังพระอุโบสถ เตรียมไว้ในคราวนั้นเรียบร้อยแล้วตามหลักฐานที่ปรากฏ แต่ยังมิทันได้ดำเนินการก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน
เพื่อสนองพระราชดำริโครงการเขียนภาพกรุช่องผนังภายในพระอุโบสถด้วยโมเสกของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” และ “พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” ให้ลุล่วงสมพระบรมราชปณิธาน “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน ตลอดจนหน่วยงานภาคีต่างๆ, สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์, องค์กรภาครัฐ, กรมศิลปากร, สำนักงบประมาณกระทรวงการคลัง, กระทรวงมหาดไทย, กรมการศาสนา, กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชนผู้มีกุศลศรัทธา ได้ร่วมกันจัดทำ “โครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เนื่องในศุภวารสมโภช 150 ปี แห่งการสถาปนาพระอาราม พุทธศักราช 2563 ในพระบรมราชูปถัมภ์”
เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” ได้เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมาราม ทรงเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาจ้างทำภาพจิตรกรรมกรุกระเบื้องโมเสก ภายใต้โครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เนื่องในศุภวารสมโภช 150 ปี แห่งการสถาปนาพระอาราม โดยมี “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์” ผู้แทนคณะผู้ร่วมบริจาคโดยเสด็จพระกุศล ร่วมลงนามในฐานะผู้ว่าจ้าง และ “มร.ฟาบริซิโอ ทราวิสซา นุตโต” เจ้าของบริษัท “Travisanutto Mosaics SRL” จากประเทศอิตาลี ร่วมลงนามในฐานะผู้รับจ้าง พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย และผู้อำนวยการสำนักจัดหาและบริหารทรัพย์สิน สำนักปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน ภายหลังจากลงนามสัญญาจ้างแล้ว “ดร.สมศักดิ์ และ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล” หนึ่งในผู้มีจิตศรัทธา ได้เฝ้าถวายปวารณาปัจจัยโดยเสด็จพระกุศลร่วมจัดทำภาพโมเสก จำนวน 1 ภาพ เท่าจำนวนเงิน 10 ล้านบาท
เพื่อสนองพระราชดำริของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชผู้ทรงเป็นบุพการีแห่งพระอาราม การนี้ กรมศิลปากรได้มอบหมายให้คณะจิตรกร วาดภาพพระคุณ 10 ประการ ในรัชกาลที่ 5 ภายใต้การกำกับของผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ และคณะไวยาวัจกร ซึ่งได้ประมวลข้อมูล, ความหมาย และเสนอแนวทางถ่ายทอดรูปแบบ ให้สอดคล้องกับพระมติของ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” พร้อมกันนี้ ได้จัดทำภาพประวัติวัดราชบพิธ เพิ่มอีกจำนวน 2 ภาพ รวมเป็น 12 ภาพ ใช้ระยะเวลาดำเนินการรวม 3 ปี การนี้ กระทรวงต่างประเทศได้รับสนองพระนโยบาย ประสานงานกับบริษัททำโมเสก ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ระดับสากล ให้จัดทำภาพตัวอย่างมาเสนอประกอบการพิจารณาคัดเลือก จำนวน 5 บริษัท จาก 3 ประเทศ ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้บริษัททราวิสซานุสโตโมเสก สาธารณรัฐอิตาลี เป็นผู้รับจ้างดำเนินการทำภาพโมเสกทั้ง 12 ภาพ
สำหรับการดำเนินงานติดตั้งเมื่อจัดทำภาพโมเสกแล้วเสร็จ กรมศิลปากรได้กำหนดให้เป็นรูปแบบแขวนผนึกครอบผนังพระอุโบสถ บนพื้นที่ระหว่างช่องหน้าต่างที่ “พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” และ “พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงกำหนดไว้ โดยไม่มีการทุบรื้อผนังเดิม เพื่อคงสภาพของผนังเดิมที่ถูกซ่อมแซมด้วยปูนปั้นในสมัยรัชกาลที่ 7 และอนุรักษ์ไว้ให้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ควบคู่กันไป
ทั้งนี้ พระคุณ 10 ประการ แห่ง “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ตามพระมติของ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” ประกอบด้วย 1) “พระเกียรติคุณ” คืออุภโตสุชาติ...รอบรู้วิชาคุณ...ทรงรับรัชทายาท...เป็นพระเจ้าช้างเผือก...เป็นเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก 2) “พระอุปถัมภคุณ” คือทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา...เสด็จออกทรงผนวช...สร้างพระพุทธรูปและพระอาราม...พิมพ์พระไตรปิฎก...จัดระเบียบปกครองคณะสงฆ์...อุปถัมภ์พระราชวงศ์ให้รุ่งเรือง...พระเกียรติยศและคุณธรรม 3) “พระกรุณาคุณ” คือเลิกทาส...เลิกประเพณีหมอบคลาน...ลดหย่อนพระราชอาญา...ตั้งโรงพยาบาลจัดการบำบัดโรคภัย
4) “พระเมตตาคุณ” คือทรงจัดการศึกษา และทำพระองค์ให้คุ้นเคยกับประชาชนทุกหมู่เหล่า 5) “พระอุปการคุณ” คือทรงสร้างรถไฟ...โทรเลข... ไปรษณีย์...ทำถนน...ขุดคลอด...ประปา...ทดน้ำ...บำรุงพาณิชยกรรม 6) “พระวิริยคุณ” คือทรงพระอุตสาหะเสด็จเที่ยวตรวจ กิจการต่างประเทศ และตามหัวเมืองในพระราชอาณาเขต 7) “พระอภิปาลคุณ” คือทรงแก้ระเบียบรัฐบาลการปกครองพระราชอาณาจักร และระเบียบทางยุติธรรม 8) “พระอัปปมาทคุณ” คือทรงจัดทหารบกทหารเรือ และทำทางพระราชไมตรีกับต่างประเทศ 9) “พระวิจารณคุณ” ตรวจค้นโบราณคดี ประเพณี และพงศาวดาร... ทรงพระราชนิพนธ์ให้เป็นประโยชน์ความรู้ 10) “สนองพระคุณ” ชาวสยามทำพระบรมรูปทรงม้า และถวายพระนามปิยมหาราช เมื่อรัชมงคลสมัย สำหรับภาพที่ 11 และภาพที่ 12 ได้จัดทำเพิ่มเติมเป็นภาพประวัติวัดราชบพิธ สถิตมหาสีมาราม
ถือเป็นพระบรมราชานุสรณ์อันยั่งยืนถาวรแห่งสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ผู้ทรงอุปถัมภ์บำรุงทุกศาสนา อีกทั้งเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่า ยังความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนคนไทย และปลุกเร้าให้เกิดความตระหนักซาบซึ้งที่จะสืบทอดคุณค่าความเป็นไทยในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
