ภาพพระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนัก และใกล้ชิดพสกนิกรชาวไทย ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของประชาชนทุกคน “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ทรงเป็นต้นแบบของ “พ่อแห่งแผ่นดิน” ผู้ทรงอุทิศพระองค์อย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชน

อีกหนึ่งบทบาทสำคัญที่ประทับใจยากจะลืมเลือน คือบทบาท “ทูลกระหม่อมพ่อ” ผู้ทรงเป็นแบบอย่างอันดีงามทุกด้านของพระราชโอรสและพระราชธิดา แม้จะแทบไม่มีเวลาส่วนพระองค์เลย เพราะต้องอุทิศกำลังพระวรกายเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร แต่ในฐานะ “ทูลกระหม่อมพ่อ” ก็ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ในการเลี้ยงดูพระราชโอรส พระราชธิดาอย่างมาก โดยโปรดให้ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ทรงอบรมสั่งสอนอย่างใกล้ชิดเรื่องหนึ่งที่ทรงเน้นย้ำมากคือ การเห็นถึงคุณค่าของการทำงาน

ไม่ให้เห็นว่าสิ่งต่างๆได้มาโดยง่าย “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ทรงบอกเล่าว่า “ทูลหม่อมพ่อ” และ “สมเด็จแม่” โปรดให้ลูกๆทำอะไรที่เป็นประโยชน์มีสาระ โดยโปรดให้ลูกๆอ่านหนังสือมากกว่าดูโทรทัศน์ มีเหตุผลว่าดูโทรทัศน์เหมือนกับการถูกสะกดจิตให้ต้องดูและฟังรายการที่ผู้จัดรายการเพียงคนสองคนจัดขึ้น

ในขณะที่หนังสือมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ห้ามการดูโทรทัศน์ไปเสียทีเดียว แต่ต้องมีเวลากำหนดว่าดูได้เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ตอนบ่าย ถึงเวลาบ่ายสี่โมงบ่ายห้าโมง พอแดดอ่อนลงบ้าง ก็ต้องออกไปวิ่งเล่นกลางแจ้งเพื่อออกกำลังกายให้แข็งแรงและได้อากาศบริสุทธิ์ พักสายตาจากการจ้องอะไรอยู่นานๆ เวลาดูโทรทัศน์จะนั่งจ้องตาเป๋งเฉยๆก็ไม่ได้ จะต้องทำงานที่เป็นประโยชน์ไปพลางๆด้วย เช่น เขียนรูป ถักไหมพรม ปักผ้า...นอกจากการอ่านหนังสือแล้ว สื่อการศึกษาที่ทรงสนับสนุนคือ การไปที่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปพิพิธภัณฑ์ ถ้าไม่ทรงมีเวลาพาไปเอง ก็จะทรงขอให้คนที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยเป็นคนช่วยพาไป

ก็เพราะความสุขสูงสุดของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” คือการได้ใกล้ชิดพสกนิกรชาวไทย และทุ่มเททรงงานหนักเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร จึงทรงเน้นมากเรื่องการรับผิดชอบตนเอง และความรับผิดชอบในหน้าที่ เมื่อมีหน้าที่อะไรก็ต้องทำอย่างเต็มใจ เช่น เมื่อตอนเด็กๆก็โปรดเกล้าฯให้ตามเสด็จงานบางงาน เมื่อโตขึ้นก็มีมากขึ้นตามลำดับ ทรงสอนให้รู้จักอดทน และภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติที่ด้อยโอกาส และมีความละอายใจถ้าไม่สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ได้...สิ่งที่ “ทูลหม่อมพ่อ” ไม่โปรดคือ การกระทำที่ผิดทำนองคลองธรรม ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อประชาชนชาวไทย

“สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ทรงเล่าอีกว่า ในบรรดาพี่น้องข้าพเจ้าสี่คนก็รักสามัคคีกันดี การที่ให้พี่น้องรักกันนั้นเป็นเรื่องที่พ่อแม่พยายามที่สุด ถึงจะมีพี่เลี้ยงช่วยเลี้ยง ท่านให้มีพี่เลี้ยงหรือผู้คนรวมๆกัน ไม่ใช่ว่าเป็นคนของคนโน้นคนนี้ กับข้าพเจ้าท่านก็จะรับสั่งถึงพี่หญิง พี่ชาย และน้องเล็ก เช่น เห็นข้าพเจ้ามีอะไร ท่านจะรับสั่งทันทีว่าของนี้พี่หญิงคงชอบให้ซื้อส่งไปให้พี่หญิง วิดีโอนี้พี่หญิงต้องชอบแน่ๆ ให้อัดส่งให้พี่หญิงด้วย ความจริงท่านจะส่งพระราชทานเองก็ได้ แต่นี่เป็นการเตือนให้พี่น้องรู้จักคิดถึงกัน พี่ชายกับน้องเล็กไม่ค่อยจะเป็นปัญหานัก เพราะว่าอยู่เมืองไทยก็รวมกันอยู่แล้ว และมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆ

“พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” คือ “ต้นแบบแห่งความดีของคนไทยทั้งประเทศ” ธรรมดีที่พ่อทำถือเป็นมรดกแห่งแผ่นดิน ที่ทรงทิ้งไว้ให้ประชาชนชาวไทยได้เจริญรอยตามด้วยความเพียรและความอดทนไม่ย่อท้อ

“การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแส ความพอใจและความต้องการของมนุษย์ จึงทำได้ยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว”

นับเป็นความโชคดีของคนไทยที่เกิดมาใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ได้มี “พระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ทรงเป็นหลักให้ยึดเหนี่ยวชีวิตจิตใจ และแม้ในวันนี้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัย ท่ามกลางความโศกสลดอาลัยยิ่งของประชาชนชาวไทย แต่ทุกถ้อยคำของพระราชสัตยาธิษฐานยังคงดังกึกก้องอยู่ในความทรงจำของลูกๆทั้งแผ่นดิน.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ