พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใย และทรงให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทรงประกอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ พร้อมเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งมี “กระชาย” สมุนไพรไทยที่ช่วยบำรุงร่างกายและต่อต้านโรคโควิด-19 เป็นส่วนประกอบสำคัญ พระราชทานแก่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามต่างๆ

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เฟซบุ๊กโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยและทรงให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละกำลังกาย และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหารปรุงสุกใหม่ แก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ณ โรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามต่างๆ อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกอบอาหารพระราชทานด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วยเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี อาทิ ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลูกชิ้น ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระเครื่องยาจีน ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟลูกชิ้นเห็ดหอม ข้าวซี่โครงหมูอบกระชายขาวยอดผัก ไข่เจียวหมูสับกระชายซอยคั่วกลิ้งไก่กระชายขาว ลาบเหนือคั่วกระชาย ซึ่งล้วนเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีส่วนประกอบของสมุนไพรไทยที่ช่วยบำรุงร่างกายและต่อต้านโรคโควิด-19 ได้แก่ กระชาย เป็นส่วน ประกอบสำคัญในการประกอบอาหาร เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ให้มีสุขภาพแข็งแรง และสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป

นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ครัวพระที่นั่งอัมพรสถานและหน่วยงานทหารจัดอาหารพระราชทานให้แก่ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด-19 ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม-11 มิถุนายน 2564 รายละเอียดดังนี้ เขตบางพลัด จำนวน 2,250 กล่อง เขตวัฒนา จำนวน 6,900 กล่อง เขตบางคอแหลม จำนวน 5,700 กล่อง เขตคลองเตย จำนวน 9,000 กล่อง เขตดุสิต จำนวน 11,946 กล่อง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จำนวน 8,400 กล่อง

การได้รับพระราชทานอาหารปรุงสุกใหม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการในครั้งนี้จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อย่างหาที่สุดมิได้