“ในหลวง” มีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯรับศพอาสาบรรเทาสาธารณภัย 4 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รวมทั้งให้ติดตามช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบเหตุในโอกาสต่อไป ครอบครัวปลื้มปีติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภูมิใจที่เหล่าอาสาที่เสียชีวิตในหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่น มีธงชาติคลุมร่างในพิธีศพ เยี่ยงวีรบุรุษผู้เสียสละ ด้านการคลี่คลายสาเหตุเพลิงไหม้ ตำรวจสอบพยานยันเกิดเพลิงไหม้ที่ป้อมยามหน้าบ้านก่อน แต่ช่วยกันดับไม่สำเร็จทำให้ปั๊มลมระเบิด ไฟพุ่งไปลุกไหม้ตัวบ้านอย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุการถล่ม ของตัวบ้าน วสท.ต้องตรวจสอบการก่อสร้างเพิ่มเติม เพราะเบื้องต้นพบขออนุญาตสร้างบ้าน 3 ชั้นตามแบบ

กรณีเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้านเดี่ยว 3 ชั้น เลขที่ 138/12 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 แยก 3 ถนนพุทธฆณฑล สาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา ที่ตั้งบริษัทโลกโสภา จำกัด ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังดับเพลิงรับแจ้งว่ามีผู้ติดอยู่ในห้องน้ำอีกคนรีบเข้าไปช่วยเหลือ แต่บ้านเกิดทรุดตัวถล่มลงมา ทำให้อาสาบรรเทาสาธารณภัย 4 คน และผู้ที่ติดอยู่ในห้องน้ำอีก 1 คน รวม 5 คนเสียชีวิตคาซาก และบาดเจ็บหลายคน ความคืบหน้าเมื่อเวลา 01.07 น. วันที่ 4 เม.ย. เจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็กโฮยกคานและตัดถ่างโครงสร้างบ้านเกิดเหตุนำซากปรักหักพังออกเพื่อกู้ศพที่ติดอยู่อีก 4 คนออกมา เริ่มจากด้านข้างตัวบ้าน พบร่างนายสุทัศน์ หรือโอ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี อาสาบรรเทาสาธารณภัย สวมชุดดับเพลิงสีแดงอยู่ใต้คานชั้น 2 ของตัวบ้าน นำร่างออกมาได้เป็นรายแรกใช้ธงชาติคลุมร่างอย่างสมเกียรติ ท่ามกลางความเศร้าสลดของเพื่อนอาสา

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เผยว่า ขณะนี้สามารถค้นหาและเคลื่อนย้ายร่างนายสุทัศน์ออกมาได้เป็นรายที่ 2 หลังจากนำศพนายธนภพ ประไพ อายุ 44 ปี ออกมาได้เป็นคนแรกช่วงกลางวันวันที่ 3 เม.ย. เชื่อว่าจะนำร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 คน คือนายสมัญญา นิลธง อายุ 48 ปี นายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี ทั้ง 2 เป็นอาสาสมัครดับเพลิง สมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย ที่อยู่ใกล้กันใต้ซากด้านซ้ายของตัวบ้านชั้น 2 ออกมาได้เร็วๆนี้ ส่วนคนสุดท้ายเป็นผู้อาศัยในบ้านพบร่างในห้องน้ำชั้น 2 คือนายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ จะเป็นศพต่อไป ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่สภาวิศวกรรมสถานเข้ามาดูแลเรื่องการขุดเจาะแล้ว

หลังใช้เวลารื้อซากอยู่หลายชั่วโมง ต่อมาเวลา 06.30 น. สามารถนำร่างนายสมัญญา หรือธง นิลธง อายุ 48 ปี และนายอรรถพล หรือป็อบ ท้วมทอง อายุ 26 ปี ออกมาได้สำเร็จ ร่างของทั้งคู่ติดอยู่บริเวณใต้คานชั้น 2 ด้านหลังฝั่งซ้ายของตัวบ้านใกล้ห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ใช้ธงชาติคลุมร่างทั้งคู่ออกมาอย่างสมเกียรติ นางนิตยา โกยทอง อายุ 44 ปี ภรรยานายสมัญญาพุ่งเข้ากอดร่างสามี กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นร่างของสามีคลุมธงชาติ เพราะสุดท้ายชีวิตคนยังไงก็ต้องตาย สามีช่วยเหลือคนจนวินาทีสุดท้าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นยังรวดเร็วเกินไป ทุกครั้งเวลาออกมาปฏิบัติงานตนมักจะบอกว่า ให้ระวังอยู่เสมอ ส่วนนายสุเทพ ท้วมทอง อายุ 57 ปี และ น.ส.อุบลสังข์เปี่ยม อายุ 52 ปี พ่อแม่นายอรรถพลเข้ากอดศพลูกร่ำไห้ นายสุเทพ เผยว่า ลูกชายเป็นคนลุยๆชอบช่วยเหลือคน ว่างจากงานรับจ้างทั่วไปจะออกมาช่วยเหลือเป็นประจำ เวลาออกปฏิบัติหน้าที่จะออกมาพร้อมนายสมัญญาและนายสุทัศน์ที่เป็นญาติกัน

ต่อมาเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่พบร่างนายเกียรติอยู่ภายในห้องน้ำอย่างที่คาดการณ์ไว้ เร่งนำเศษวัตถุที่ทับออกแล้วนำร่างออกมาได้สำเร็จ พร้อมส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช ทันที ตลอดการค้นหานายโรเบิร์ต เรมอน แพตเตอร์สัน พ่อนายเกียรติเฝ้าดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วยอาการเซื่องซึม พร้อมเผยว่า หลังเลิกกับภรรยาก็เลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด รู้สึกเสียใจมาก หากลูกยังอยู่ตรงนี้อยากบอกกับลูกว่า พ่อรักลูก คิดถึงลูกมาก และยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายทำงานสอนภาษาอยู่ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนย้ายไปอยู่ จ.นครปฐม แล้วกลับไปที่บางสะพานอีก จากนั้นกลับมาอยู่กรุงเทพฯได้ 3 สัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ

นายพรเลิศ เพ็ญพาส ผอ.เขตทวีวัฒนา กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เขตปิดพื้นที่ห้ามเข้า ระหว่างประสานตัวแทนเจ้าของบ้านว่า ให้ดำเนินการเรื่องรื้อถอนโดยเร็ว ตำรวจขอให้เหลือพื้นชั้น 1 ไว้รอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) มาตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้และอาคารถล่ม เนื่องจากผู้รอดชีวิตให้ข้อมูลว่า พบเพลิงไหม้จากชั้น 1 ก่อนหนีออกมา ส่วนความเสียหายเพื่อนบ้านเจ้าของบ้านเกิดเหตุรับผิดชอบชดใช้ทั้งหมด อาคารดังกล่าวมีใบอนุญาตอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2553 ก่อสร้าง 3 ชั้น ต่อมาขออนุญาตก่อสร้างอีกครั้ง คาดว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบ

ด้าน พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.7 กล่าวว่า เบื้องต้นสั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา ลงพื้นที่ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐาน แต่อยู่ระหว่างญาติๆกำลังจัดงานศพผู้เสียชีวิต ยังไม่อยากรบกวน แต่หลังจากนั้นจะสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้และอาคารถล่มอีกครั้ง ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านเซิร์ฟเวอร์ถูกไฟไหม้เช่นกัน ต้องรอรื้อถอนอาคารและหาตัวเซิร์ฟเวอร์เพื่อกู้ข้อมูลภาพมาตรวจสอบ

ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.ชาญฤทธิ์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สน.ธรรมศาลา พ.ต.อ.พนภัสส์ คุมพล ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.น.7 และพนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา เดินทางมาสอบปากคำผู้พักอาศัยอยู่ในบ้านเกิดเหตุ ประเด็นข้อสงสัยว่า อาจเป็นการวางเพลิงหรือไม่ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นเปลวไฟลุกไหม้จากป้อมยามเก่าที่ใช้เป็นห้องเก็บของขนาด 3 คูณ 3 เมตร ภายในมีท่อพีวีซี ปั๊มลม เสียบปลั๊กไว้ตลอด เบาะรถตู้ พนักงานช่วยกันใช้ถังดับเพลิงฉีดและเอาลูกบอลดับเพลิงปาเข้าไปหลายลูกแต่ไม่ได้ผล เป็นเหตุให้ถังปั๊มลมระเบิดเปลวไฟพุ่งใส่ตัวบ้าน เผาเบาะรถลามเข้าไปไหม้อุปกรณ์ว่ายน้ำ ที่ประกอบด้วยตีนกบและเสื้อชูชีพจำนวนมากเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ทำให้เพลิงลุกลามไปอย่างรวดเร็วจนไหม้ตัวอาคารทั้งหมด

ขณะที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.7 เข้าตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ บริเวณทางเข้าหมู่บ้านทั้ง 3 ทาง เพื่อคลายประเด็นสงสัยกรณีถูกวางเพลิง เนื่องจากเจ้าของบ้านโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เคยถูกขู่วางเพลิงมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากฝักใฝ่การเมือง ติดป้ายเกี่ยวกับการเมืองไว้รอบบ้าน แต่ยังไม่พบภาพที่มีพิรุธ

ต่อมาเวลา 14.00 น. รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) พร้อมทีมงานเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เผยว่า วันนี้คงตรวจสอบอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากสภาพอาคารพังทลายลงมาหมดแล้ว ต้องไปหาข้อมูลแบบแปลนการก่อสร้างอาคารว่า มีจุดใดเป็นสาเหตุที่ทำให้อาคารถล่มลงมา เพื่อนำไปถอดบทเรียนไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต อาคารแห่งนี้ก่อสร้างช่วงปี 2554-2555 เทคโนโลยีการก่อสร้างใช้วัสดุที่ดีทนไฟอยู่แล้ว ต้องดูสภาพแวดล้อมรอบข้าง อาคารที่มีอายุประมาณ 10 ปี ถือว่ายังไม่เสื่อมสภาพถ้าก่อสร้างถูกต้องอยู่ได้ 30-50 ปี

เพจเฟซบุ๊กพระลาน ของกรมประชาสัมพันธ์ โพสต์ข้อความระบุว่า “ในหลวงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯกรณีบ้านนายอดิสรณ์ถูกไฟไหม้และพังทลายลงมามีผู้เสียชีวิต 5 คน และได้รับบาดเจ็บ 6 คน ดังนี้ 1.ทรงรับผู้เสียชีวิตเป็นศพในพระบรมราชานุเคราะห์ และผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 2.ให้ติดตามการให้การช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบเหตุ หากมีเหตุขัดข้อง ให้ขอรับพระราชทานการช่วยเหลือในโอกาสต่อไป”

เช้าวันเดียวกันที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช นางทิพา ทันปรีชา น.ส.พัตรพิมล ศรีไพร แม่และภรรยา เดินทางมารับศพนายธนภพ หรือต้น ประไพ อายุ 44 ปี รหัสเหนือ 33-00 อปพร.เทศบาลนนทบุรี บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศก มีการเตรียมขบวนเจ้าหน้าที่ดับเพลิง-กู้ภัยและอาสาสมัคร เพื่อนำร่างนายธนภพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี อย่างสมเกียรติ นางทิพา เผยว่า ลูกชายเป็นคนมีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือสังคมและไม่เคยทอดทิ้งครอบครัว ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมมาก ทุกครั้งที่ลูกออกปฏิบัติหน้าที่คอยเตือนว่า ให้ดูแลตัวเองมาตลอด แต่ไม่นึกว่าจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับลูกของตนเอง

ส่วน น.ส.พัตรพิมล ภรรยา กล่าวว่า วันเกิดเหตุช่วง 04.00 น. มีเจ้าหน้าที่โทร.มาปลุกว่า มีเหตุเพลิงไหม้รีบลุกออกไปทำหน้าที่ บอกว่าจะกลับมาช่วง 07.00 น. เพราะมีนัดไปทำบุญด้วยกัน แต่สุดท้ายสามีไม่กลับมา จนมีรุ่นน้องโทรมาสอบถามการแต่งกายของนายธนภพ และยืนยันว่าผู้เสียชีวิตคือสามีตน เพราะเห็นเลข 46 ตรงหมวกนิรภัย สามีตัวเองเป็นคนรักงานกู้ภัย ปกติเป็นคนระวังตัว มีประสบการณ์ 25 ปี แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเป็นแบบนี้ รู้สึกภูมิใจ กับหน้าที่ของสามี คำพูดยกย่องของโลกโซเชียลที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตเป็นฮีโร่กับเหตุการณ์นี้ แม้ลึกๆจะเสียใจ

ต่อมาเวลา 14.00 น. ญาติและครอบครัวนายสมัญญา หรือชล นิลธง อายุ 48 ปี นายสุทัศน์ หรือโอ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี และนายอรรถพล หรือป็อบ ท้วมทอง อายุ 26 ปี ทยอยมารับศพตามลำดับ ขณะนำศพออกไปมีขบวนเจ้าหน้าที่ดับเพลิง-กู้ภัยและอาสาสมัครอย่างสมเกียรติ ไปส่ง บำเพ็ญกุศลที่วัดศาลาแดง แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. ส่วนศพนายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี ยังไม่มีคนมาติดต่อรับ

ที่วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูและมูลนิธิสยามนนทบุรี นำศพนายธนภพ ประไพ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของมูลนิธิสยามนนทบุรี รหัสเหนือ 33-00 เคลื่อนขบวนมาถึงศาลากาญจนธรรม มีอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆเพื่อนร่วมงานมารอรับด้วยความโศกเศร้า ต่อมาเวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้นายจิตรพัฒน์ ไกรฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชเลขานุการในพระองค์ไปในพิธีพระราชทานนํ้าหลวงอาบศพและเชิญพวงมาลาหลวง พวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพวงมาลาของเจ้าคุณพระสินีนาฏฯไปวางหน้าหีบศพ นายธนภพ ประไพ และพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ สวดพระอภิธรรมศพ 7 คืน รวมทั้งพระราชทานเพลิงเป็นกรณีพิเศษนางทิพา ทันปรีชา อายุ 62 ปี แม่นายธนภพ รดน้ำศพลูกชายพร้อมพูดว่า หลับให้สบายนะลูกไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ก่อนญาติและเพื่อนร่วมงานทยอยเดินทางร่วมรดน้ำศพและรอฟังสวดพระอภิธรรมศพเวลา 19.00 น.

ที่วัดศาลาแดง เวลา 15.00 น. ขบวนศพนายสมัญญา นิลธง นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด และนายอรรถพล ท้วมทอง มาถึงวัดนำตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาจิตกระโชติ (ศาลา 11) มีรถร่วมขบวนเปิดสัญญาณไซเรนกว่า 200 คัน ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.อ.ท.ภักดี แสงชูโต รองเลขาธิการพระราชวัง และผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว มาเป็นประธานพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ วางพวงมาลาพระราชทานและประกอบพิธีบรรจุร่างฮีโร่ทั้ง 3 คนลงหีบศพ ตั้งสวดอภิธรรม 7 วัน เริ่มเวลา 19.00 น. กำหนดการพระราชทานเพลิงศพเวลา 16.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ทั้งนี้ พล.อ.ท.ภักดี พูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต และมอบหมายให้นายพรเลิศ เพ็ญพาส ผู้อำนวยการเขตทวีวัฒนา ดำเนินการประสานกับสำนักพระราชวัง หากพบว่าครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องการความช่วยเหลืออนุเคราะห์ใดๆ นอกจากนี้ พล.อ.ท.ภักดี ยังมอบกระเช้าพระราชทานและพบปะพูดคุยกับนายวีรพล ทวงศิริ ที่ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้ง 2 ข้างระหว่างเข้าควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้และอาคารถล่มลงมา แต่แพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารดน้ำศพเพื่อนได้ สร้างความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง

ด้านนางนิตยา โกยทอง ภรรยานายสมัญญา เผยว่า รู้สึกภูมิใจมากที่สามีได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และได้รับพระราชทานพวงมาลาจากทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินี และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ทั้งยังทรงรับศพของทั้ง 3 คนไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดของครอบครัว แม้ว่าจะยังเสียใจอยู่กับการเสียชีวิตของสามี แต่รู้สึกดีใจปลื้มใจที่ได้รับเกียรตินี้เพราะสามีได้ตายในหน้าที่ ส่วนกรณีที่มีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้เสียชีวิตปฏิบัติงานด้วยความประมาท ไม่ระมัดระวัง ไม่ดูตัวเองก่อนเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นจนต้องเสียชีวิต ยืนยันว่า ผู้ปฏิบัติทุกนายต้องระมัดระวังระหว่างปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว คนที่ท้วงติงอาจไม่มีความรู้ ที่สำคัญคงไม่มีใครอยากเสียชีวิตจากการเสี่ยงภัยไปช่วยคนอื่น และไม่มีใครล่วงรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า

ในวันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลตำรวจตรีชัยทัต บุญขำ รองอธิบดีกรมบังคับการสำนักพระราชวัง เชิญดอกไม้ และตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยที่ได้รับบาดเจ็บที่เข้าพักรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆ ได้แก่ นายอิทธิพล ประสงค์ทรัพย์ นายกฤษฎี สังข์นาง นางสาวจิรภัทร นนทฤทธิ์ นางสาวฐิติรักษ์ ทิมแตง และนายสุรศักดิ์ เปลี่ยนกลัด ณ โรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลธนบุรี 2 และโรงพยาบาลวิชัยเวช หนองแขม