สมาชิก
ปีติร.10 เสด็จออกมหาสมาคม ทั่วไทยจัดเทิดพระเกียรติ

ปีติร.10 เสด็จออกมหาสมาคม ทั่วไทยจัดเทิดพระเกียรติ

-ก+

แชร์ข่าว

วันเฉลิมพระชนมพรรษา นายกฯนำทำบุญตักบาตร จุดเทียนถวายพระพรชัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค.2562 ทั้งนี้ สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรชัยมงคล ด้วยข้อคิดเรื่องทศพิธราชธรรม ขณะที่พสกนิกรชาวไทยทั่วหล้า พร้อมใจถวายราชสักการะ รวมถึงออกทำกิจกรรมจิตอาสา ทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลและร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร เปล่งคำ “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้อง

เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 67 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้า อยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กำหนดพระราชพิธีศุภมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2562

เสด็จออกมหาสมาคม

โดยเมื่อเวลาประมาณ 11.41 น. พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชร กิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้า ลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ในการเสด็จออกมหาสมาคม พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พระบรมวงศานุวงศ์ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2562 ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จ เจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์, พระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ, ท่านผู้หญิงพลอยไพลิน เจนเซน และท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งพุดตาน กาญจนสิงหาสน์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานประโคมกระทั่ง แตร มโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

ให้คนไทยตระหนักถึงประโยชน์ชาติ

ทั้งนี้ ในการเสด็จออกมหาสมาคม พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสตอบผู้เข้าเฝ้าฯ ความว่า “ข้าพเจ้ามีความปีติชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ที่ท่านทั้งหลายพร้อมเพรียงกันมาให้พรในวันเกิด ขอขอบ พระทัยและขอบใจในคำอำนวยพร อันเปี่ยมไปด้วยความหวังดีและไมตรีจิต ขอทุกท่านจงได้รับพรอันเปี่ยมด้วยความหวังดีและไมตรีจิตขอทุกท่านจงได้รับพรและไมตรีจากใจจริงของข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน ชาติบ้านเมืองจะมีความเจริญมั่นคงได้ ก็ด้วยนานาสถาบันอันเป็นหลักของประเทศ ตลอดจนชาวไทยทุกหมู่เหล่ามีความสำนึกตระหนักในประโยชน์ของประเทศชาติ แล้วพร้อมใจกันสร้างสรรค์ประโยชน์นั้นให้บังเกิดงอกงาม ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นผู้แทนสถาบันต่างๆของประเทศและประชาชนชาวไทยทุกคน จึงชอบที่จะระลึกถึงความสำคัญในข้อนี้ แล้วตั้งใจประพฤติปฏิบัติงานในหน้าที่ความรับผิดชอบให้ดีที่สุด ด้วยความปรารถนาอย่างเดียวกัน ที่จะให้งานทุกอย่างสำเร็จ เป็นความดีความเจริญทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม ประเทศชาติของเราก็จะสามารถดำรงรักษาความเป็นปกติมั่นคง พร้อมทั้งพัฒนาให้ ก้าวหน้าไป และบรรลุถึงความวัฒนาผาสุกได้โดยสวัสดี ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคน ให้มีความสุขความเจริญทุกเมื่อทั่วกัน”

3 เหล่าทัพยิงสลุตฝ่ายละ 21 นัด

ขณะนั้นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ตามลำดับ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบ จบแล้วมหาดเล็กรัวกรับชาวม่านปิดพระวิสูตร ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯกลับ

เสด็จฯในการพระราชพิธีช่วงเย็น

ต่อมาเวลา 17.13 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี, สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปยังวัด พระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงตั้งสมณศักดิ์บรรพชิตจีนและญวน บรรพชิตจีนและญวนถวายพระพรสวดนพเคราะห์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสังคหวัตถุแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ผู้สูงอายุฝ่ายหน้า-ฝ่ายใน จำนวน 68 คน จากนั้นเวลา 18.00 น. เสด็จฯไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โดยมีสมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ท่านผู้หญิงพลอยไพลิน เจนเซน และท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน เฝ้าทูลละอองธุลี พระบาทรับเสด็จ ในการพระราชพิธีเฉลิมพระนามสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระราชอุปัชฌายาจารย์ และสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระ สังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร พระราชกรรมวาจาจารย์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า จบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯไปถวายพระสุพรรณบัฏบนพานแว่นฟ้ากลีบบัวประดับมุก และพัดยศ หน้าพระรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระสงฆ์ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา และพระสงฆ์ 68 รูป เจริญพระพุทธมนต์การพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนพระมหามงคลที่พระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร เทียนเท่าพระองค์ในตู้ข้างพระแท่นนพปฎล มหาเศวตฉัตร และธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป เทวรูป เทวดานพเคราะห์ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 และพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร รัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงศีล พระสงฆ์ 68 รูป เจริญพระพุทธมนต์ เมื่อถึงบทเสกน้ำพระพุทธมนต์ ทรงจุดเทียนที่ฝาครอบพระกริ่ง และทรงประเคนครอบพระกริ่งแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณทางพระทวารเทวราชมเหศวร ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยาม เทวาธิราช แล้วเสด็จกลับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกราบหน้าเครื่องนมัสการ หน้าพระแท่นนพปฎล มหาเศวตฉัตร

ทรงสถาปนาเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน

วันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ เรื่อง สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ความว่า พระบาท สมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้วยพระวิริยอุตสาหะ และพระกตัญญูกตเวทิตา ฉลองพระเดชพระคุณมาแต่รัชกาลก่อน สืบเนื่องมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ทรงปฏิบัติพระราชกิจแทนพระองค์ในหลายวาระ และทรงรับเป็นพระธุระในการส่วน พระองค์ ให้ดำเนินลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย แบ่งเบาพระราชภาระได้เป็นอันมาก เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย

นอกจากนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า พัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ได้ทรงปฏิบัติ พระกรณียกิจในด้านสาธารณกุศลมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านมูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ซึ่งทรงรับเป็นประธานกรรมการ ทรงรับปฏิบัติงานที่คณะทูตถาวรแห่งประเทศไทย ประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก อีกทั้งทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านกฎหมาย ซึ่งทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่ง ทรงรับราชการในตำแหน่งอัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการสูงสุด ทรงก่อตั้งโครงการกำลังใจในพระดำริ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขัง นับว่าได้ทรงปฏิบัติงาน สร้างสรรค์ประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกประการ สมควรที่จะสถาปนาพระเกียรติยศให้สูงขึ้นตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี

จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ขึ้นเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า พัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณี สิริพัชร มหาวัชรราชธิดา กับพระราชทานเครื่องราช อิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ ขอจงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล วิบุลศุภผล สกลเกียรติยศปรากฏยิ่งยืนนาน ตลอดจิรัฏฐิติกาล เทอญ

ประกาศ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

ทรงสถาปนาเจ้าคุณพระสินีนาฏฯ

ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 41 ข ประกาศ เรื่อง สถาปนาเจ้าคุณ พระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ความว่า พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริว่า พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิราภักดิ์ ปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองปฏิบัติการ กิจการราชสำนัก กรมกิจการวัง ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กรมฝ่ายเสนาธิการ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่ รองผู้บังคับการ กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ และผู้บังคับกองพันราชสำนัก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการ ทหารมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ ฉลองพระเดช พระคุณในราชการในพระองค์ด้วยความเรียบร้อยและแบ่งเบาพระราชภาระได้เป็นอันมาก จนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย สมควรจะยกย่องให้มีเกียรติยศสูงขึ้นตามโบราณราชประเพณี

จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิราภักดิ์ ขึ้นเป็น เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ตามที่จารึกลงในสุพรรณบัฏ จงเจริญด้วยอายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล ทุกประการ

ประกาศ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพร ร.10

วันเดียวกัน สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จบรมบพิตร พระราช สมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบ อีกคำรบหนึ่งแล้ว อาตมาภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงความปีติโสมนัส และขอถวายพระพรชัยมงคล บัดนี้ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ทรงรับพระบรมราชาภิเษก ตามโบราณขัตติยราชประเพณีทุกประการ พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราช โองการที่จะทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร ดุจเดียวกับที่สมเด็จพระบูรพมหา กษัตริยาธิราช แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ได้ทรงปฏิญาณพระองค์ เป็นแนวทางดำเนินพระราชจริยาสืบมาทุกรัชสมัย อันว่าพระราชธรรมสำหรับพระมหากษัตริย์นั้นมี 10 ประการ เรียกว่า ทศพิธราชธรรม ประกอบด้วย การให้, การสังวรระวังกายวาจา ให้เป็นปกติ, การบริจาคเพื่อบรรเทาความโลภ, ความซื่อตรง, ความอ่อนโยน, การกำจัดความเกียจคร้านและความชั่ว, ความไม่มักโกรธ, ความไม่เบียดเบียน, ความอดทน และการดำรงความยุติธรรมเมื่อใด พระมหากษัตริย์ทรงดำรงทศพิธราชธรรม ให้บริบูรณ์ด้วยดีในพระองค์ เมื่อนั้นพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทและราษฎรย่อมสวามิภักดิ์ พร้อมพลีกำลังกาย กำลังความคิด สนองพระเดช พระคุณโดยความซื่อสัตย์สุจริต และกตัญญู ปรากฏพระปีติโสมนัสมาสู่ดวงพระราชหฤทัย ในขณะเดียวกัน ประชาชนทุกคนก็พึงทำความแยบคายในใจให้ถ้วนถี่ว่า ทศพิธราชธรรมนี้ หาได้เป็นพระราชปฏิบัติสำหรับพระมหากษัตริย์แต่ฝ่ายเดียวไม่ ด้วยเหตุที่ความรุ่งเรืองของชาติบ้านเมือง จำเป็นต้องอาศัยกำลังพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ช่วยกันทำหน้าที่ตามฐานะของตน เพื่อสนองพระบรมราโชบาย จนบังเกิดผลสัมฤทธิ์ได้สมพระราชปรารถนา เพราะฉะนั้น ในฐานะผู้อาศัย ใต้พระบรมโพธิสมภาร จึงพึงศึกษาและน้อมนำธรรมะทั้ง 10 ประการข้างต้น มาเป็นวิถีการดำรงตนโดยทั่วหน้ากัน ณ อุดมสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา อาตมภาพขออัญเชิญนิพนธคาถาแห่งสุขาภิยาจนคาถา มากล่าวอ้างเป็นสัจจวาจา ว่า มาตา ปิตา จ อตฺรชํ นิจฺจํ รกฺขนฺติ ปุตฺตกํ เอวํ ธมฺเมน ราชาโน ปชํ รกฺขนฺตุ สพฺพทาฯ ความว่า “มารดาและบิดา ย่อมถนอมบุตรน้อยอันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ฉันใด พระราชาจงทรงรักษาประชาราษฏร์โดยชอบ ในกาลทั้งปวงฉันนั้น” ด้วยเดชะแห่งสัจจวาจานี้ ขอประชาราษฎร์ทั้งปวง จงสมัคร สมานสามัคคี ประพฤติปฏิบัติตนเป็นเสมือนลูกที่ดี พร้อมเพรียงกันทำนุบำรุงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ให้วัฒนาสถาพร เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ผู้ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบ ดุจดั่งบิดรมารดา จักได้ทรงปลอดโปร่งพระราชหฤทัย ทรงบริบูรณ์ด้วยพระกำลังที่จะทรงยังราชอาณาจักรไทย ให้ร่มเย็นเป็นสุขใต้ร่มพระบารมีสืบไป

ทำบุญถวายเป็นพระราชกุศล

ขณะเดียวกัน ตลอดช่วงเช้าพสกนิกรทั่วประเทศใส่เสื้อสีเหลืองออกมาทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารพระภิกษุสงฆ์ ถวายเป็นพระราชกุศลโดยพร้อมเพรียง จากนั้นได้ร่วมลงนามถวายพระพร แสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ก่อนพากันออกไปทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสาธารณประโยชน์ในหลายจังหวัด ประกอบด้วย นครพนม บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร พะเยา เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช สระแก้ว พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ฯลฯ ทั้งปล่อยสัตว์น้ำ ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ ลอกคูคลองลำน้ำ บริจาคโลหิต ฯลฯ

นายกฯนำตักบาตร-ถวายสัตย์

ส่วนใน กทม.ที่บริเวณท้องสนามหลวง เวลา 07.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ.ศ.2562 พร้อมด้วยองคมนตรีและภริยา ประธานองค์กรอิสระ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส.ส. ส.ว. ข้าราชการตุลาการ ผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงนายชวน หลีกภัย ประธาน สภาผู้แทนราษฎร นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. ผู้บริหาร และข้าราชการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เครือข่ายภาคเอกชนและประชาชนกว่า 2,000 คน เข้าร่วมพิธี โดยมีสมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะ 10 รูปประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระสงฆ์และสามเณร จำนวน 568 รูป รับบิณฑบาต ต่อด้วยเป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศ ชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อแผ่นดินและดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนาตามแนวทางในพระบรมราโชวาท โดยมีข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

เหล่าทัพจัดกิจกรรมวันเฉลิมฯ

เช่นเดียวกับที่กองบัญชาการกองทัพบกตลอดช่วงเช้า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 67 พรรษา 28 ก.ค.2562 ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จากวัด หงส์รัตนารามราชวรวิหาร จำนวน 68 รูป, พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน, พิธีเจริญพระพุทธมนต์, ไถ่ชีวิตกระบือและบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการ พระราชประวัติ รวมทั้งพระราชกรณียกิจ และได้จัดสถานที่ให้กำลังพล รวมถึงประชาชน ได้ลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ขณะที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ในส่วนของ ตร. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯอย่างพร้อมเพรียง

ร่วมไถ่โคปล่อยนกปล่อยปลา

ส่วนที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.บัณฑิตย์ บุณยะปาน รอง ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่กองบัญชาการกองทัพไทย ผู้แทนเหล่าทัพ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วยภาคเอกชนในพื้นที่ใกล้เคียง เข้าร่วมแสดงความจงรักภักดีโดยมีกิจกรรมสำคัญประกอบด้วย พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 68 รูป พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ พิธีไถ่ชีวิตโค จำนวน 9 ตัว ปล่อยนกกระจาบ จำนวน 99 ตัว และปล่อยปลา จำนวน 9,999 ตัว ส่วนที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ รอง ผบ.ทอ. เป็นประธานในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ที่อาคารรณนภากาศ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช โดยมีพิธีถวายราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์จำนวน 68 รูป พิธีลงนามถวายพระพร และพิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ จำนวน 4 ตัว

ทร.-ทอ.ร่วมยิงสลุตหลวง

ที่กองทัพเรือ (บก.ทร.) โดยฐานทัพเรือกรุงเทพ ได้ยิงสลุตหลวง 21 นัด เฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ พระราชวังเดิม กองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เช่นเดียวกับ กรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ยิงสลุตหลวง 21 นัด พร้อมกับ ทบ.และ ทร.ที่ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช สำหรับการยิงสลุตถือเป็นธรรมเนียมที่ทุกประเทศทั่วโลกยึดถือสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ โดยยิงปืนใหญ่ด้วยดินดำ มีจำนวนนับเป็นเกณฑ์ตามควรแก่เกียรติ หรือสิ่งที่ควรรับความเคารพ

นำจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ อาคารบ้านเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ ถนนจักรเพชร นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จัดโครงการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ขึ้นเพื่อให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะผู้สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บริหาร ข้าราชการ และลูกจ้างร่วมเฉลิมพระเกียรติ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดีเป็นราชสักการะ อีกทั้งยังเป็นการสนองพระราโชบายตามแนวพระราชดำริในโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่ามีความสมานสามัคคี ร่วมมือ ร่วมใจ ประกอบกิจกรรมสาธารณะ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จึงได้จัดกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้กับสังคมและส่วนรวม

ลงนามถวายพระพรไม่ขาดสาย

ทั้งนี้ ตลอดวัน ในบริเวณพระบรมมหาราชวัง มีบุคคลสำคัญ ข้าราชการระดับสูง ทูตานุทูต และประชาชนทยอยมาลงนามถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ.ศ.2562 อย่าง ต่อเนื่อง โดยในเวลา 10.29 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ผู้นำเหล่าทัพ ประธานศาลฎีกา ประธานสภานิติบัญญัติ เดินทางไปยังห้องแดง อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 เพื่อลงนามถวายพระพรฯ จากนั้นในเวลาใกล้เคียง คณะองคมนตรีได้มาร่วมลงนามถวายพระพรด้วย ส่วนข้าราชการระดับสูง ตลอดจนเอกอัครราชทูตและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจ และคณะบุคลากรจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ได้มาลงนามถวายพระพรชัยมงคลภายในศาลาสหทัยสมาคม ขณะที่สำนักพระราชวังได้จัดเต็นท์และโต๊ะ ณ บริเวณสนามหญ้าด้านข้างศาลาลูกขุน ในพระบรม มหาราชวัง สำหรับบริการให้ประชาชนลงนามถวาย พระพรชัยมงคล ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ซึ่งมีประชาชนมาต่อแถวเพื่อลงนามถวายพระพรด้วยความจงรักภักดีอย่างต่อเนื่อง

เสียง “ทรงพระเจริญ” ดังทั่วหล้า

จากนั้นช่วงคํ่า ที่เวทีใหญ่ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2562 โดยมีนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมด้วยประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือนและภาคประชาชนเข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง ส่วนภูมิภาคจัด ณ ศาลากลางจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานในพิธี และในต่างประเทศจัดพิธีตามความเหมาะสม รวมถึงตามห้างร้านภาคเอกชนที่จัดกิจกรรมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลอย่างพร้อมเพรียงกันกับที่ท้องสนามหลวง

โดยหลังจากที่นายกรัฐมนตรีถวายเครื่องราชสักการะพานพุ่มทองพุ่มเงินแล้ว ได้นำกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ในนามปวงชนชาวไทย เสร็จแล้วนำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ตามด้วยจุดเทียนถวาย พระพรชัยมงคล และนำผู้เข้าร่วมพิธีและประชาชนทุกหมู่เหล่าร้องเพลงสดุดีจอมราชา จบแล้วนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างเปล่งคำ “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องถึง 3 ครั้ง

โดรนแปรอักษรแสงสีสุดตระการ

ต่อมา สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ จัดการแสดงบังคับอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) แปรอักษรประกอบแสงสีเสียง ชุด “ฑีฆายุโก โหตุ ทศมินทรราชา” เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ โดยใช้ฝูงโดรน 333 ลำ แปรอักษรจำนวน 4 ภาพ ได้แก่ พระปรมาภิไธยย่อ วปร, เรารัก ในหลวง, ทรงพระเจริญ และภาพพลุไฟ ประกอบการบรรเลงบทเพลงซิมโฟนี เพลง “พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว” เหนือฟ้าท้องสนามหลวง ฝั่ง ม.ธรรมศาสตร์ เป็นเวลาประมาณ 8 นาที สร้างความตื่นตา ตื่นใจให้ผู้รอชมการแสดงโดรนที่มีความสวยงามตระการตาอย่างมาก

วงฯ ทอ.บรรเลงเพลงประกอบการแสดง

ส่วนที่บริเวณ ควอเทียร์ พาร์ค ชั้นเอ็ม ศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ ช่วงเวลาเดียวกับที่ท้องสนามหลวง มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ โดยคณะผู้บริหาร พนักงานดิเอ็มโพเรียม ดิ เอ็มควอเทียร์ พันธมิตรธุรกิจ ผู้ประกอบกิจการร้านค้าในศูนย์การค้า รวมถึงพสกนิกรชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมจุดเทียนถวาย พระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งโอกาสนี้ยังมีการบรรเลงบทเพลงเฉลิมพระเกียรติจากวงดุริยางค์ทหารอากาศ และการแสดงระบำกฤดาภินิหาร โดยสถาบันคึกฤทธิ์ ซึ่งเป็นครั้งแรก กับ การแสดงร่วมกับวงดุริยางค์ทหารอากาศ นำมาซึ่งความ ปลื้มปีติของพสกนิกรทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้

สถานทูตไทยทั่วโลกร่วมวันเฉลิมฯ

นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยฯ สถานกงสุลใหญ่ และสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย จำนวน 98 แห่ง ใน 96 เมืองทั่วโลก ได้จัดพิธีและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยในต่างประเทศได้ร่วมกันแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน โดยมีทั้งกิจกรรมทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศล พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล อาทิ นายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี เป็นประธานในพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปีพุทธศักราช 2562 ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ โดยมีข้าราชการทีมประเทศไทย คู่สมรส และชุมชนไทยในเคนยา เข้าร่วมพิธี

เช่นเดียวกับ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา โดยนายทรงพล สุขจันทร์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา เป็นประธานในพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ครบรอบ 67 พรรษา ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา โดยมีข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน หัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทย ข้าราชการ และครอบครัว ตลอดจนภาคเอกชน นักศึกษาและชุมชนไทยในกรุงจาการ์ตา เข้าร่วมพิธี และร่วมลงนามถวายพระพร กว่า 70 คน ทั้งนี้ ในวันที่ 29 กรกฎาคม สถานเอกอัครราชทูตฯ จะร่วมกับชุนชนไทยในกรุงจาการ์ตา จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อถวายพระราชกุศล ณ บ้านพักคนชรา Panti Werdha Wisma Mulia กรุงจาการ์ตา

เสด็จฯถวายภัตตาหารพระสงฆ์

สำหรับหมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ในวันที่ 29 ก.ค. เวลาประมาณ 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถานไปยังพระบรมมหาราชวังทางประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ ประตูราชสำราญ เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูกำแพงแก้วพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน จากนั้นเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวร พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป เทวรูปเทวดานพเคราะห์ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ถวายพรพระ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเศษกัณฑ์ 1 จบแล้ว พระสงฆ์ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวาย พระพรลา เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง ที่พระทวารเทเวศรรักษาเสด็จพระราชดำเนินกลับ เจ้าพนักงานตั้งบายศรี แก้ว ทอง เงิน เวียนเทียนสมโภช ดวงพระบรมราชสมภพ