คนไทยทุกคนภูมิใจที่ได้เป็นข้ารองพระบาท และภูมิใจอย่างยิ่งที่เกิดเป็นประชาชนของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ทรงปกครองประเทศเหมือนพ่อปกครองลูก ทำให้คนไทยมีความสุข ทำให้ไทยเป็นไทย โดยไม่เคยแบ่งแยก ไม่เคยเรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆ ไม่เคยมีเงื่อนไขกับประชาชนของพระองค์
“...ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นชาวไทยมีความสุขถ้วนหน้ากันด้วยการให้ คือให้ความรักความเมตตากัน ให้น้ำใจไมตรีกัน ให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน ให้การสงเคราะห์อนุเคราะห์กัน โดยมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน ด้วยความบริสุทธิ์และจริงใจ...” พระราชดำรัสพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2546 ยังคงทันยุคทันสมัยเสมอ และ
ดังกึกก้องอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนานเท่านาน
ภาพพระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนัก ใช้ชีวิตสมถะและใกล้ชิดราษฎร ถือเป็นภาพคุ้นชินตามากว่า 7 ทศวรรษ และกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้ประชาชนชาวไทยอยากลุกขึ้นทำความดี ประพฤติตนเป็นคนดีมีคุณธรรม เพื่อเดินตามรอยพ่อหลวงแห่งแผ่นดิน
ดังที่สะท้อนให้เห็นจากพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2540... “ผู้เชื่อมั่นในความดี จะมีความรู้สึกผิดชอบ มีความข่มใจ ไม่ปล่อยตัวให้เป็นไปตามอำนาจคติ และความเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะตัว จะประพฤติปฏิบัติการใด ก็พิจารณากลั่นกรองอย่างรอบคอบจนเห็นชัดแล้วว่า การนั้นๆ เป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง เป็นสุจริตธรรม และเป็นประโยชน์แท้ทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม การที่ทำจึงปราศจากโทษ ก่อให้เกิดประโยชน์สร้างสรรค์เป็นความเจริญสวัสดีแต่อย่างเดียว ผลดีอีกประการหนึ่งของการปฏิบัติดี คือเมื่อผลของการทำดีเป็นที่ประจักษ์ชัด คนที่ไม่เคยทำความดีเพราะไม่เคยเห็นผล ก็จะได้เห็นและหันมานิยมศรัทธาในความดี บุคคลเหล่านั้นย่อมจะรับเอาความคิดจิตใจ และการกระทำของผู้ปฏิบัติดีเป็นแบบอย่าง แล้วน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติด้วยตนเอง บ้านเมืองของเราก็จะมีผู้ที่ศรัทธาในความดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ สิ่งที่แต่ละคนปฏิบัติก็จะประกอบส่งเสริมกันขึ้น เป็นความเจริญมั่นคงโดยส่วนรวมของชาติในที่สุด...”
“...บ้านเมืองของเราเป็นสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความเป็นปึกแผ่นในชาติ และต่างบำเพ็ญกรณียกิจตามหน้าที่ให้สอดคล้องเกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ความร่วมมือของชาติ คนไทยทุกคนจึงควรจะตระหนักในข้อนี้ให้มาก และตั้งใจประพฤติตัว ปฏิบัติงานให้สมฐานะและหน้าที่ เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวม คือความมั่นคงปลอดภัยของชาติบ้านเมืองไทย ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีแต่ความสุข ความเจริญตลอดไป”
ประชาชนคนไทยควรน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมนำกระแส พระราชดำรัสดังกล่าวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแก่ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ตลอดจนพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ ณ ท้องพระโรงศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 86 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556 มาปฏิบัติตามอย่างสุดหัวใจ
นับเป็นความภาคภูมิใจยิ่งที่ได้เกิดมาเป็นพสกนิกรขององค์พ่อหลวง ผู้ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุข และสร้างความสุขยั่งยืนแก่ประชาชนของพระองค์.
ทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐ