ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่เช้าวันที่ 8 ก.ย. ประชาชนจากทั่วทุกภาคของไทยยังเดินทางมาเข้ากราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางอากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่ทุกคนต่างไม่ย่อท้อ พากันเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพ และเนื่องจากมีประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดจุดคัดกรอง บริเวณฝั่งตรงข้ามทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อป้องกันการสับสนและแซงคิว ต่อมาเวลา 10.00 น. กรมประชาสัมพันธ์ นำสื่อมวลชนจากสำนักข่าวต่างประเทศ อาทิ บีบีซี รอยเตอร์ เอพี เอเอฟพี เข้ามาบันทึกภาพความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศ ก่อนนำไปเผยแพร่ต่อไป

นอกจากนี้ เมื่อคืนวันที่ 7 ก.ย. นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักโยธา สำนักการระบายน้ำ สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักเทศกิจ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการจราจรและขนส่ง และสำนักงานเขตพระนคร ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานปรับภูมิทัศน์พื้นที่บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง และมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เตรียมความพร้อมสำหรับพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระบรมศพ อาทิ การปรับปรุงทางเท้า ปรับผิวจราจร ขีดสีตีเส้นจราจร ซ่อมแซมหรือปรับ เปลี่ยนป้ายสัญญาณจราจรที่ชำรุด ตรวจสอบและติดตั้งกล้องซีซีทีวี ไฟฟ้าแสงสว่าง ตรวจความแข็งแรงและค้ำยันต้นไม้ การตกแต่งสวนหย่อม ตรวจสอบระบบระบายน้ำพร้อมทำความสะอาดท่อ เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็น บริเวณโดยรอบมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

อีกด้าน นายประสพสุข รัตน์ใหม่ หัวหน้ากลุ่มประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจัดสร้างประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เบื้องต้นได้สรุปยอดรวมงานปั้นประติมากรรมประกอบพระเมรุมาศทั้งหมด รวมจำนวน 612 ชิ้นงาน ในส่วนกลุ่มงานประติมากรรม ปั้นต้นแบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว บางส่วนอยู่ระหว่างทำพิมพ์ หล่อไฟเบอร์กลาส ประกอบเข้ากับแท่นฐานและส่งงานที่ประกอบแล้วเสร็จให้กลุ่มจิตรกรรมลงสี คาดว่าเมื่อกลุ่มจิตรกรรม ลงสีแล้วเสร็จ จะทยอยนำไปติดตั้งยังพระเมรุมาศในช่วงกลางเดือน ก.ย.

นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร นายช่างศิลปกรรมอาวุโส กลุ่มงานศิลปประยุกต์และเครื่องเคลือบดินเผา กล่าวว่า กลุ่มจิตรกรรมได้ลงสีงานปั้นที่แล้วเสร็จหลายชิ้นงาน ได้แก่ พระอิศวร อยู่ระหว่างลงสีเป็นเงาลึกให้ออกเป็นสีกลีบบัวโรย ส่วนเครื่องทรงนุ่งหนังเสือนุ่งผ้าโธตี ซ้ายและขวา นอกจากนี้ยังมีราชสีห์ 3 ตัว คชสีห์ที่ลงสีเสร็จแล้ว 2 ตัว ยังเหลือการลงสีส่วนตาอีกเล็กน้อยและประกอบแท่นฐาน ส่วนราชสีห์ลงสีกายเป็นสีขาวอมครีม เครื่องทรงลงสีทองทั้งกนก ครีบ ขา และแข้งสิงห์เป็นสีทอง บริเวณวงทักษิณาวัตร รอบกายเป็นสีทองเขียนลักษณะเดียวกับหัวโขน คชสีห์ลงสีม่วงอ่อน เครื่องทรงเป็นทอง อีกตัวหนึ่งเขียนแบบลายไทยในวรรณคดี ขณะที่พระอินทร์ลงสีเขียวปีกแมลงทับ ผ้านุ่งเป็นโคมพุ่มข้าวบิณฑ์ช้างเอราวัณ ท้าววิรูปักษ์ที่เป็นเจ้าแห่งนาค มีลายผ้าเป็นพญานาคพุ่มข้าวบิณฑ์ บริเวณสนับเพลาเป็นริ้วนาคผิวกายสีขาว

“สำหรับพระพิเนกและพระพินายที่ปั้นและหล่อไฟเบอร์แล้วเสร็จนั้น จะลงสีเครื่องประดับเป็นสีทองทั้งชฎา พาหุรัต ทองพระกร ทองพระบาท พระภูษาจะออกแบบให้ซ้ำกัน แต่ลักษณะของลายจะเป็นลายเดียวกันสำหรับสีกายเป็นสีอุบัติวานร 18 มงกุฎเป็นไปตามเรื่องรามเกียรติ์ที่เป็นบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 แบ่งเป็น พระพิเนก มีงาด้านขวาเป็นนิลขันหรือสีหงดิน กรด้านบนถือสังข์ ดอกบัว ส่วนกรด้านล่างประทานพร ส่วนพระพินายสีทองแดง มีงาด้านซ้ายถือเทพศาสตร์วุธเกี่ยวกับการช้าง พระกรด้านบนจะมีอังกุศ หรือ ขอสับช้างและบาศ กรด้านล่างประทานพร ขณะที่แผงประภามณฑลด้านหลังทั้งสององค์จะพิจารณาสีให้มีความแตกต่างกัน” นายสมชายกล่าว