กำลังพลฉุดชักราชรถริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 2 ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฝึกซ้อมเสมือนจริงการฉุดชักพระมหาพิชัยราชรถ ส่วนปลายเดือนกันยายนจะย้ายที่ฝึกไปที่ราบ 11 และมีการฝึกร่วมในริ้วขบวนทุกระดับ ซ้อมย่อยวันที่ 7 และ 14 ต.ค. กับซ้อมใหญ่สถานที่จริง 21 ต.ค.

ความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างพระ เมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายก่อเกียรติ ทองผุด นายช่างศิลปกรรม สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ผู้ออกแบบพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปิดเผยว่า การก่อสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 85 ส่วนของพระ เมรุมาศคืบหน้าร้อยละ 90 ขณะที่การแกะสลักกรอบไม้สักของฉากบังเพลิง 8 บาน ได้ส่งแบบให้ผู้รับจ้างแกะสลักก่อนประกอบและนำมาติดตั้ง ส่วนงานออกแบบพระจิตกาธานดำเนินการเสร็จแล้ว ขณะที่สีที่ใช้ตกแต่งภายในองค์ในบุษบกประธานพระเมรุมาศ บุษบกหอเปลื้องและซ่าง ใช้สีชมพูเป็นหลัก ซึ่งสีชมพู ถือเป็นสีมงคลของในหลวงรัชกาลที่ 9 และช่วยให้พระเมรุมาศดูสดชื่น เมื่อประดับลายผ้าทองย่นเข้าไปจะทำให้ดูกลมกลืน มีความสง่างามเข้ากับองค์ประกอบทุกส่วน ส่วนงานที่เร่งดำเนินการขณะนี้คืองานผลิตฉัตรพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร และฉัตรขาวที่จะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า กับบันแถลงและตกแต่งผิวสีที่มีการประดับกระจกในส่วนของบุษบกประธานส่งไปถึงตัวเรือนยอดให้มีความสง่างาม

นายก่อเกียรติกล่าวด้วยว่า ส่วนการวางซุ้มบันแถลงบุษบกประธานพระเมรุมาศ จัดวางสัดส่วน คือ มีซุ้มตรงกลางและมีซุ้มขนาบโดยวางซุ้มเล็กๆ เป็นรูปสามเหลี่ยมประดับลายกระจังติดกระจกสีขาวให้ดูวาวเข้าไป เพราะต้องการให้บริเวณหน้าบันแถลง มีความโดดเด่นลดหลั่นต่อกันไป ในกรอบกระจกจะประดับลายดอกไม้ แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นรูปดอกบัว ทำซุ้มพื้นเป็นสีแดงคั่นเพื่อเกิดมิติขับให้ดอกบัวดูสง่างาม บริเวณองค์ระฆังอยู่ระหว่างการจัดทำบัวผีเสื้อ ที่เป็นองค์ประกอบงานสถาปัตยกรรม กำลังทำโครงปั้นแกะสลักประกอบบัวคอเสื้อใต้องค์บัลลังก์ ซึ่งเครื่องยอดจะมีความสง่างามได้ จะอยู่ที่บริเวณนี้ และได้ปรับเปลี่ยนหน้าจั่วพระเมรุมาศจากทรงภควัม เป็นทรงบัวเจิม

อีกด้าน เวลา 10.30 น. ที่สนามบินเล็กกองทัพอากาศ ทุ่งสีกัน กรมสรรพาวุธทหารบก (สพ.ทบ.) เปิดให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ การฝึกซ้อมเสมือนจริง กำลังพลฉุดชักราชรถริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ที่ 2 ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมี พล.ท.อาวุธ เอมวงศ์ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก นำผู้บริหารกรมสรรพาวุธทหารบกทุกระดับ เข้ารับชม การฝึกมีขึ้นท่ามกลางแสงแดดจ้า มีกำลังพลเข้าร่วม ประกอบด้วย กำลังพลกำกับควบคุมและฉุดชักพระมหาพิชัยราชรถ 331 นาย กำกับควบคุมและฉุดชักราชรถพระนำ 79 นาย ปฏิบัติหน้าที่เกรินบันไดนาค 110 นาย ทั้งใช้รถบรรทุกทางทหารขนาด 10 ตัน เพื่อฉุดชักแทนพระมหาพิชัยราชรถ รถบรรทุกทหารขนาด 2.5 ตัน แทนราชรถพระนำ ใช้โกศจำลองน้ำหนักกว่า 100 กก. แทนพระบรมโกศ ใช้ราชรถปืนใหญ่ที่จัดสร้างพิเศษไว้สำหรับการฝึก และเกรินบันไดนาคเพื่อให้สมจริง รวมใช้เวลาการซ้อมประมาณ 2 ชั่วโมง

พ.ต.สิทธิศักดิ์กล่าวว่า วันนี้เป็นการซ้อมร่วม ของกำลังพลทุกระดับ ในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 2 ซึ่งเป็นการนำท่าทางในการปฏิบัติในพระราชพิธีที่ได้ฝึกซ้อมมาอย่างพร้อมเพรียง เช่น หยิบเชือก วางเชือก ถวายบังคม มาใช้ในการจำลองเหตุการณ์ในพระราชพิธีจริง สำหรับบทเพลงพญาโศกลอยลมที่ใช้ในพระราชพิธีนี้ กองทัพภาคที่ 1 ได้กำหนดมาใหม่ โดยการปรับเปลี่ยนเพิ่มจังหวะกลองขึ้นบางส่วน ในส่วนกำลังพลฉุดชักราชรถไม่มีผลกับการก้าวย่าง แต่ผู้เข้าร่วมในริ้วขบวนจะสะดวกในการนับจังหวะ จากท่าเดินแบบเปลี่ยนสูงในพระราชพิธีที่ผ่านมา เปลี่ยนมาเป็นการเดินสืบเท้า หรือจังหวะเดินช้างมีเสียงให้จังหวะที่ทำให้การเคลื่อนริ้วขบวนจะง่ายขึ้น

ขณะที่ พ.ท.สวรุจ สุภเวช ผู้ควบคุมพลฉุดชักพระมหาพิชัยราชรถหลัง กล่าวว่า การฝึกครั้งนี้ถือว่ากำลังพลมีความพร้อมดีมากและตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.จะมีการย้ายไปฝึกซ้อม ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ รวม 6 ครั้ง ปลายเดือนกันยายน จะมีการฝึกร่วมกันระหว่างผู้เข้าร่วมในริ้วขบวนทุกระดับ อีก 2 ครั้ง จากนั้นจะเป็นการซ้อมย่อยในสถานที่จริง คือ ในวันที่ 7 และ 14 ต.ค. ซ้อมใหญ่สถานที่จริงในวันที่ 21 ต.ค.