เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่หอวชิราวุธานุสรณ์ หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร จัดเสวนาวิชาการเรื่อง “การใช้คำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ สำนักพระราชวัง กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 เปรียบเสมือนองค์สมมติเทพ จึงต้องมีการใช้คำราชาศัพท์ซึ่งเป็นคำสุภาพ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีวัฒนธรรมและจารีตประเพณี เมื่อจะส่งเสด็จพระองค์สู่สรวงสวรรค์ มีการก่อสร้างพระเมรุมาศที่เปรียบเหมือนเขาพระสุเมรุ เพื่อถวายพระเกียรติยศ การก่อสร้างในพระเมรุมาศครั้งนี้ มีการจัดภูมิทัศน์ในพระเมรุมาศให้มีนาข้าว เพื่อสื่อถึงพระมหากรุณาธิคุณด้านการ เกษตร ที่ทำให้เกิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั่วประเทศ

ท่านผู้หญิงบุตรีกล่าวอีกว่า ในการพระราชพิธีครั้งนี้ถือเป็นงานประวัติศาสตร์ของชาติ แต่ประชาชนอาจจะเข้าถึงพื้นที่ได้ไม่มาก จึงเน้นจัดซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ทั่วประเทศและทั่วโลก ให้ประชาชนได้มีโอกาสร่วมส่งเสด็จ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานได้ขอให้มีสถานที่วางดอกไม้จันทน์มากที่สุด สำหรับประชาชนใน 77 จังหวัด นอกจากรัฐบาลกำหนดพื้นที่วางดอกไม้จันทน์ตามวัดต่างๆ ยังให้แต่ละจังหวัดประกอบพิธีแล้วส่งมอบดอกไม้จันทน์ 1 ช่อมาที่พระเมรุมาศ เช่นเดียวกับชุมชนไทยในต่างประเทศ สามารถส่งดอกไม้จันทน์เป็นตัวแทนมาร่วมได้เช่นกัน ส่วนผู้ที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้สามารถรับชมพระราชพิธีผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ และจากการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีรับสั่งว่า ในการวางดอกไม้จันทน์ทรงต้องการให้ประชาชนได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ร.9 ด้วยนั้น ขณะนี้กรมศิลปากรได้ออกแบบซุ้มวางดอกไม้จันทน์ต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระราชพิธีครั้งประวัติศาสตร์นี้ การใช้คำราชาศัพท์และคำศัพท์ จึงมีความสำคัญเนื่องจากสื่อมวลชนจะเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในพระราชพิธีได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักโบราณราชประเพณี ขณะที่กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีทั้งหมดให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

นางวิจิตร ไชยวิชิต ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กล่าวว่า ภาพรวมความคืบหน้าในการบูรณปฏิสังขรณ์พระมหาพิชัยราชรถขณะนี้แล้วเสร็จ 90% ส่วนราชรถน้อยก็คืบหน้าไปมาก คาดว่าภายในเดือน ส.ค. จะบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศทั้งหมดแล้วเสร็จ

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) จากนั้นแถลงว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ที่จะเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะใกล้เวลายุติการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เพื่อเตรียมพระราชพิธีสำคัญแล้ว แต่ขณะนี้สำนักพระราชวังยังไม่มีการแจ้งว่าเมื่อใด ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่าช่วงนี้มีประชาชนเข้าถวายสักการะเพิ่มจากวันละ 2 หมื่นคน เป็นวันละ 3-4 หมื่นคน จึงได้ เตรียมความพร้อมในเรื่องการอำนวยความสะดวก ทั้งอาหาร และการจราจร ทั้งได้ฝากข้อสังเกตส่งให้คณะกรรมการฝ่ายรักษาความปลอดภัยและการจราจรงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ว่า ต้องดูแลเรื่องระบบขนส่ง รักษาความปลอดภัย รวมถึงกล้องวงจรปิดในบริเวณโดยรอบสนามหลวง ถนนราชดำเนินให้ใช้การได้