ความคืบหน้าการติดตั้งงานสถาปัตยกรรม ประดับพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายธีรชาติ วีรยุทธธานนท์ สถาปนิกชำนาญการ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ติดตั้งองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมในส่วนเครื่องยอดบุษบกองค์ประธานพระเมรุมาศ โดยทยอยประดับบัวหัวเสาและคันทวยที่บริเวณชั้นเชิงกลอน กรอบคูหาต่างๆแล้ว รวมทั้งติดตั้งต้นแบบไว้บริเวณองค์ประธานด้านทิศเหนือ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วจะเข้าสู่การติดตั้งในส่วนหอเปลื้อง และต่อด้วยซ่างเป็นงานสุดท้าย

นายธีรชาติกล่าวต่อไปว่า สำหรับบุษบกพระเมรุมาศองค์ประธานจะมีความพิเศษกว่าอาคารหลังอื่น ตรงที่จะมีงานเสากับงานเครื่องยอด โดยขณะนี้ต้องประดับตกแต่งในส่วนเสาก่อน ซึ่งการทำลวดลายจะไล่จากพื้นขึ้นสู่ด้านบน ส่วนเครื่องยอดตอนนี้ได้ส่งแบบชิ้นส่วนองค์ระฆังไปให้โรงงานขึ้นแบบแล้ว โดยการตกแต่งสถาปัตยกรรมพระเมรุมาศ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ส.ค. จากนั้นจะเริ่มประดับลวดลายด้วยผ้าทองย่นต่อเนื่องไป ซึ่งได้เริ่มที่ฐานชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ไปแล้ว

ส่วนการลงสีพระเมรุมาศ จะเน้นสีขาว เทา และสีทองเป็นหลัก โดยจะรองพื้นด้วยสีแดงก่อนจากนั้นลงสีทอง เนื่องจากการลงสีแดงเป็นพื้นจะส่งผลให้สีทองเปล่งประกายแวววาวงดงามยิ่งขึ้น ส่วนอาคารประกอบอื่นๆจะใช้รองพื้นสีเหลืองแทน

ด้านนางนิดา ปิณฑานนท์ ผู้จัดทำผ้าม่านประดับพระเมรุมาศ กล่าวว่า ตามที่นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร นายช่างศิลปกรรมอาวุโส กลุ่มงานศิลปะประยุกต์และเครื่องเคลือบดินเผา สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ออกแบบผ้าม่านประดับพระเมรุมาศ เป็นลายพุ่มข้าวบิณฑ์-อินพรหม โคมลายกนก นกคาบออกรูปทวยเทพถวายกร และส่งให้กลุ่มทอผ้าปักธงชัย ดำเนินการนั้น ขณะนี้ได้ทอผ้าม่านพระเมรุมาศ บุษบกประธาน เสร็จแล้ว 2 ชิ้น จากที่ต้องใช้รวมทั้งหมด 8 ชิ้น แบ่งเป็น 4 ด้าน ด้านละ 2 ชิ้น มีขนาดกว้าง 6.40 เมตร สูง 14.255 เมตร และมีขอบสังเวียน ขนาด 14.405 เมตร เฉลี่ยน้ำหนักผ้าต่อ 1 หน้าต่าง รวม 44 กิโลกรัม ใช้ผ้าไหมไทย ผสมไหมจีน ประมาณ 1,000 หลา โดยการออกแบบผ้าม่านองค์ประธานพระเมรุมาศ จะเน้นให้มีความโดดเด่น ตัดกันของสีผ้า เพื่อต้องการให้ม่านองค์ประธานพระ เมรุมาศเป็นผลงานชิ้นเดียวของโลกที่มีความงดงาม และสมพระเกียรติมากที่สุด อีกทั้งเป็นไปตามประวัติศาสตร์ราชประเพณีอย่างครบถ้วน คาดว่าภายในเดือน ก.ค. จะแล้วเสร็จทั้ง 4 ด้าน จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการทอขอบสังเวียน กรวยเชิง ให้มีทั้งสีกลมกลืน และตัดกัน และนำมาเย็บต่อกันจนสมบูรณ์ ก่อนที่จะนำไปอาบน้ำยาเคลือบชั้นผิวของผ้า เพื่อให้สามารถกันน้ำ และกันสีจาง

“หลังจากทำผ้าม่านพระเมรุมาศบุษบกประธาน เสร็จแล้ว จะเริ่มทำในส่วนผ้าม่านบุษบกหอเปลื้อง ที่มีขนาดความกว้าง 1.80 เมตร สูง 4.37 เมตร มีกรวยเชิงเปลื้อง 6 แผ่น แต่ละแผ่นกว้าง 122×0.95 ซม. ยาว 122×6 ซม. รวมถึงผ้าม่านบุษบกซ่าง มีจำนวน 4 ด้าน มีความกว้าง 3 เมตร สูง 6.67 เมตร มีขอบสังเวียน 4 ด้าน ด้านละ 2 ชิ้น รวม 8 ชิ้น โดยการทอผ้าในแต่ละวัน ช่างทอจะทำได้เพียง 12 เมตรเท่านั้น เพราะ 1 ชั่วโมง จะทอได้ 1 เมตร ซึ่งทุกกระบวนการจะต้องอยู่ในการควบคุมที่เป็นไปด้วยความประณีต และมีความละเอียดมากที่สุด” นางนิดากล่าว

สำหรับบรรยากาศการเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พบว่าตลอดวันที่ 18 ก.ค. พสกนิกรจากทั่วประเทศยังคงทยอยเข้ากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน พล.ต.ธานี ฉุยฉาย ที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่และการบริการโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ได้ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยในพื้นที่รอบพระบรมมหาราชวังและสนามหลวง รวมทั้งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝนที่อาจจะตกลงมา อีกทั้งในวันที่ 20 ก.ค.นี้ จะมีการปรับพื้นผิวถนนในพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนระมัดระวังความปลอดภัยอีกด้วย

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกระแสข่าวจะปิดให้เข้าถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ว่า ขณะนี้ยังไม่มี กำหนดการออกมา ไม่ทราบว่าไปเอาข่าวมาจากไหน เพราะตอนนี้ได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานทราบแล้วว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการอำนวยการที่ดูแลพระราชพิธีทั้งหมด แล้วต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระบรมราชวินิจฉัย ขอว่าอย่าเพิ่งตื่นตกใจ